ฟ้องยงยุทธ-ตร.ถล่มบ้าน เผยทนายปัดหมดได้ผู้พิพากษาช่วย

"ผวากลัวถูกถล่มซ้ำ"


"ลุงนิสัย" เหยื่อถูกยิงบ้านพรุนที่อยุธยา ได้อดีตผู้พิพากษาอาสาเป็นทนายความให้ ยื่นฟ้องต่อศาลด้วยตัวเองแล้ว หลังคดีไม่คืบหน้า เอาผิด "ยงยุทธ ติยะไพรัช" พร้อมตำรวจอีก 11 นาย 4 ข้อหาหนัก ทั้งพยายามฆ่า-ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ ศาลนัดไต่ส่วนมกราคมปีหน้า

เผย "ลุงนิสัย" เจ้าของบ้านหวาดผวาหนัก กลัวถูกถล่มซ้ำ ต้องหลบไปอยู่กับญาติที่เมืองกาญจน์

จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองปราบปรามรวม 50 นาย นำโดย พ.ต.ต.อาสาฬ ถมยา สว.ผ.5 กก.2.ป (หัวหน้าชุดจู่โจม) นำกำลังเข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 25/2 หมู่ 4 ต.เชียงรากน้อย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบ้านของนายนิสัย ศตะกูรมะ อายุ 70 ปี เช้ามืดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว สืบเนื่องจากนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประสานไปยังกองปราบปราม เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว เนื่องจากสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด และก่อนรุ่งสางเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมยิงเข้าใส่บ้านหลังดังกล่าวจนเต็มไปด้วยรอยกระสุนปืน ข้าวของเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ ตู้เย็นได้รับความเสียหาย เจ้าของบ้านคือ นายนิสัย ศตะกูรมะ อายุ 70 ปี ได้รับบาดเจ็บ ถูกกระจกบาดที่แขนขวา รักษาตัวที่โรงพยาบาลบางปะอิน ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปล่อยตัวกลับโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ทั้งสิ้น ขณะเกิดเหตุอาศัยอยู่กับนางอุดม ศตะกูรมะ อายุ 65 ปี ภรรยา ลูกสะใภ้ และหลานชายวัย 1 ขวบ ซึ่งจากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ จึงถอนกำลังกลับ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นนานกว่า 2 ปี แต่คดีไม่มีความคืบหน้า

"รัฐผัดผ่อนตลอด"


นางอุดม ศตะกูรมะ ภรรยานายนิสัย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้น ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของตนเองและครอบครัวอย่างมาก สามีของตนต้องอยู่ในอาการหวาดผวา เครียดตลอดเวลา จนไม่สามารถที่จะอยู่บ้านหลังนี้ได้ ต้องไปอาศัยบ้านญาติที่อยู่กลางป่าใน จ.กาญจนบุรี เพราะเกรงว่าจะถูกตำรวจกลับมาค้นบ้านและยิงถล่มซ้ำอีก หลังจากวันเกิดเหตุไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ นอกจาก พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม พร้อมมอบเงิน 2,500,000 บาท ในการซ่อมแซมบ้าน ซึ่งแทบจะไม่พอ เพราะบ้านพังไปทั้งหลัง

นางอุดม กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันรัฐบาลขณะนั้น ได้ผัดผ่อนในการเจรจาเรื่อยมา เช่น รอให้ประชุมเอดส์โลกเสร็จก่อน หรือรอให้เสร็จจากงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิที่ภูเก็ตก่อน เป็นต้น จนกระทั่งวันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้า ถึงแม้จะมีความพยายามติดต่อทนายความเพื่อมาดำเนินการฟ้องร้องให้หลายรายนับตั้งแต่เกิดเหตุ แต่ทนายความทุกคนในช่วงแรกก็รับคดี ต่อมากลับตอบปฏิเสธหมด

"ยื่นฟ้อง ยงยุทธ"


"วันนี้ได้ติดต่อกับทนายความ ซึ่งเป็นถึงอดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อาสาเข้ามายื่นฟ้องเอาผิดกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้อง ทั้งหมดใน 4 ข้อหาหนัก คือ 1.พยายามฆ่า 2.บุกรุก 3.ทำผิดต่อเสรีภาพ และ 4.เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุ เพราะรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวนกว่า 2 ปี คดียังไม่คืบหน้า อีกทั้งคณะกรรมาธิการการตำรวจที่เข้ามาดูแลคดีก็ต่างพ้นวาระไปหมดแล้ว จึงมอบหมายให้ทนายความยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ครอบครัว

ด้านนายเจริญ นิลเอสงฆ์ ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 คือ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และพวกอีก 11 คน เช่น พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต ผบช.ภ.1 ยศในขณะนั้น พล.ต.ต.ปรัชญา สุทธปรีดา รอง ผบช.ภ.1 ยศ

"ยังไงก็ผิดจำคุกสถานเดียว"


ในขณะนั้น พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ อดีต ผบก.ป. พล.ต.ต.วันชัย ถนัดกิจ ผบก.พระนครศรีอยุธยา ยศในขณะนั้น เป็นต้น ซึ่งตนได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้หมายเลขคดีที่ 2248/49 โดยศาลนัดไต่สวนคำฟ้อง ในวันที่ 22 มกราคม 2550 เวลา 13.00 น.

นายเจริญ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ต้องมีคนผิดแน่นอน ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะอ้างว่ามีหมายค้นชอบโดยกฎหมายก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะฉะนั้นต้องรับโทษ และโทษนั้นมีแต่โทษจำคุกสถานเดียว และเป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ ในการตรวจค้นจริงๆ แล้วจะต้องเรียกเจ้าบ้านออกไปและแสดงหมายค้นเสียก่อน จึงต้องขอความเมตตาจากศาลเรียกร้องความเป็นธรรม


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์