ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา(สบ10) กำกับดูแล บช.ศชต. ให้สัมภาษณ์ย้ำว่า เคยเข้าพบพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท. ผบ.ตร.)
เพื่อขอความช่วยเหลือในการแต่งตั้งโยกย้าย พล.ต.อ.สมเพียร จริง "พล.ต.อ.ปทีป รับทราบเรื่องและจะช่วยเหลือ แต่ไม่ทราบว่าชื่อของ พล.ต.อ.สมเพียร จะขาดตกบกพร่องไปส่วนใดนั้นผมไม่ทราบ เพราะไม่มีอำนาจในการแต่งตั้ง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นผมในฐานะผู้บังคับบัญชาก็พยายามดูแลแก้ไข ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก"
ตำรวจออสเตรเลียร่วมเสียใจ
พล.ต.ต.สัญชัย สุนทรบุระ ผู้บังคับการกองสารนิเทศ (ผบก.สท.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา นายสตีฟ แลงคาสเตอร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย และคณะ ได้เข้าพบพล.ต.อ.อดุลย์ แสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.สมเพียร พร้อมระบุว่า ตำรวจออสเตรเลียยินดีที่จะให้การสนับสนุนเท่าที่สามารถทำได้ เพื่อให้ภาคใต้กลับมาสงบสุข
ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ว่าได้สอบถามพล.ต.ต.ประเสริฐ จันทร์สว่าง ผบก.ภ.จว.ตรัง
ว่าทราบเรื่องที่ พล.ต.อ.สมเพียร ขอย้ายมาเป็นผกก.สภ.กันตัง หรือไม่ ซึ่งพล.ต.ต.ประเสริฐ บอกว่าไม่ทราบมาก่อน เพราะตอนเสนอชื่อแต่งตั้งโยกย้าย ได้เสนอไปอีกคนหนึ่ง หากทราบมาก่อนว่า พล.ต.อ.สมเพียร ขอมาอยู่ สภ.กันตัง จะยินดีมาก ทั้งนี้ นายชวน ยังปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องที่มีการระบุว่า นักการเมืองฝากเด็ก ทำให้พล.ต.อ.สมเพียร ย้ายมาอยู่สภ.กันตัง ไม่ได้ พร้อมแนะนะให้ไปสอบถามนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ที่คน อ.กันตัง และรู้จัก ผกก.สภ.กันตัง ดี
เมีย"สมเพียร"รอฟังคำชี้แจง
วันเดียวกัน นางพิมพ์ชนา ภูวพงษ์พิทักษ์ ภรรยาพล.ต.อ.สมเพียร พร้อมส.ต.ท.โรจนิล ภูวพงษ์พิทักษ์ บุตรชาย เข้าพบ พล.ต.อ.อดุลย์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) โดย พล.ต.ต.อำนาจ อันอาตย์งาม รอง ผบช.ภ.3 ได้นำเงินที่รวบรวมจากข้าราชการตำรวจ และครอบครัว บช.ภ.3 จำนวน 6 แสนบาท มามอบให้เพื่อช่วยเหลือครอบครัว พล.ต.อ.สมเพียร 3 แสนบาท และมอบให้ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจากเหตุการณ์เดียวกันอีก 3 แสนบาท
นางพิมพ์ชนา กล่าวว่า ที่ พล.ต.อ.สมเพียร ต้องการย้ายเพราะทราบว่า ผกก.สภ.กันตัง กำลังจะเกษียณ และคิดว่าจะได้รับการพิจารณา
ถึงขั้นเตรียมเก็บของเพื่อย้าย แต่หลังจากที่ พล.ต.อ.อดุลย์ โทรศัพท์มาบอกว่าไม่ได้ย้าย พล.ต.อ.สมเพียร ก็รู้สึกผิดหวัง และคิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรม จึงมาร้องทุกข์เพื่อไม่ให้ตำรวจรุ่นหลังต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้อีก "อยากรู้ว่าชื่อไปตกหล่นตรงไหนตอนย้าย โดยรอฟังคำชี้แจง ตร. อยู่ ทำไมบางตำแหน่งไม่ถึงหลักเกณฑ์ ยังโยกย้ายได้ ส่วนกรณีจับผู้ต้องหาฆ่าจ่าเพียร นั้นไม่เชื่อว่าเป็นมือปืน ถ้าเป็นคนวางระเบิดน่าจะใช่ แต่ที่มามอบตัวไม่คิดว่า เป็นคนฆ่าจ่าเพียร เพราะคนที่ทำแบบนี้คงไม่มามอบตัวเอง"นางพิมพ์ชนา กล่าว
ให้กำลังใจตร.ภาคใต้อย่าท้อ
ต่อมา นางพิมพ์ชนา พร้อมบุตรชาย เดินทางเข้าพบพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล1(ผบก.น.1) ที่บก.น.1 รับมอบเงิน 2 แสนบาท ที่เพื่อนนักธุรกิจด้านโรงแรมซึ่งชื่นชมผลการปฏิบัติหน้าที่ของพล.ต.อ.สมเพียร ต้องการมอบให้เป็นกำลังใจ และนางพิมพ์ชนา ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ขอขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือครอบครัว ดีใจที่มีคนเห็นความดีของพล.ต.อ.สมเพียร แม้จะช้าไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร
"แม้จะรู้สึกผิดหวังกับระบบการแต่งตั้งโยกย้าย และคิดเหมือนจ่าเพียร ที่เคยบอกว่า ไม่เคยเห็นการโยกย้ายแต่งตั้งครั้งไหนเลวร้ายมากที่สุดเท่าครั้งนี้ เราไม่มีเส้น ไม่มีเงิน ไม่มีรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ขอให้เพื่อนตำรวจ 3 จังหวัดภาคใต้ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ดูแบบอย่างจ่าเพียร อย่าท้อ ซื่อสัตย์อดทน ขยันหมั่นเพียร ทำดีที่สุด แม้จะไม่มีใครเห็น สักวันก็จะมีคนเห็นเอง"นายพิมพ์ชนา กล่าว
ตุ๋นบริจาคเข้ากองทุนจ่าเพียร
ขณะที่นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ที่ จ.นครราชสีมา ว่ามีแก๊งมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ มารดา โดยให้ผู้หญิงสูงอายุโทรศัพท์เลียนเสียงท่านผู้หญิงบุญเรือน ไปต้มตุ๋นข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนในหลายท้องที่ที่มีความคุ้นเคย เพื่อให้ช่วยบริจาคเงินงานสาธารณกุศลต่างๆ ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ล่าสุดแอบอ้างว่า ต้องการช่วยเหลือ พล.ต.อ.สมเพียร โดยหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารนครหลวงไทย สาขา 319 อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยอ้างเจ้าของบัญชีคือ พ.ต.ท.คนหนึ่ง
"แม่ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และแม่กำลังป่วย ไม่เคยไปเรี่ยไรขอรับบริจาคเงินแต่อย่างใด"นายไกรศักดิ์ กล่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ธนาคารนครหลวงไทย สาขา 319 อ.หลังสวน เปิดเผยว่า มีประชาชนจำนวนมากโทรศัพท์มาสอบถามถึงบัญชีดังกล่าว ทุกคนระบุว่า มีผู้หญิงอ้างชื่อว่าเป็นท่านผู้หญิงบุญเรือน ให้ช่วยบริจาคเข้าบัญชีเพื่อเข้ากองทุน"จ่าเพียร" จึงได้ตรวจสอบบัญชีดังกล่าว พบว่า คนที่เปิดบัญชีเป็นชาวสกลนคร แต่มาทำงานที่ อ.หลังสวน โดยเปิดบัญชีพร้อมเอทีเอ็มให้บุตรสาวที่ทำงานอยู่ย่านมีนบุรี กทม. ไม่เกี่ยวข้องกับกองทุน"จ่าเพียร"แต่อย่างใด
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
