ไชน่าเดลี่รายงานว่า เมื่อ 3 มี.ค. รัฐบาลจีนจัดประชุมสมาชิกสภาที่ปรึกษาการเมือง เพื่อหารือเรื่องสวัสดิการสังคมและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
หลังเศรษฐกิจจีนชะลอตัว จนมีอัตราว่างงานสูงถึง 20 ล้านคน ส่วนสถิติช่องว่างคนรวยกับคนจนของจีนห่างกันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 31 ปี ล่าสุด ผลสำรวจของสมาคมสินค้าฟุ่มเฟือยของโลก พบว่า จีนบริโภคสินค้าหรูร้อยละ 27.5 ของทั้งโลก ปีก่อนหมดเงินไปกับสินค้าฟุ่มเฟือยถึง 307,000 ล้านบาท ครองอันดับ 2 ของโลกรองจากญี่ปุ่น คาดว่าในปี 2558 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า จะแซงขึ้นมาเป็นอันดับ 1
นายเมิ่ง เผิงจุน ซีอีโอของลักชัวรี เอเชีย ลิมิเต็ด ไชน่า กล่าวว่า ปีที่แล้ว เศรษฐีพันล้านจีนซื้อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว 15 ลำจากบริษัท
ราคาอย่างน้อยลำละ 650 ล้านบาท ไม่นับค่าบำรุงรักษาอีกปีละ 65 ล้านบาท โดยซื้อมากกว่าปี 2551 ที่ยอดขาย 8 ลำ เกือบ 2 เท่า สะท้อนว่าจีนมีเศรษฐีหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้เศรษฐีจีนที่รวยระดับที่มีทรัพย์สินเกิน 5 หมื่นล้านบาทมีเพียง 100 คน แต่ตนคาดว่าปีนี้จะขายได้อีก 20 ลำ ซึ่งไม่ได้โม้ เพราะแค่สองเดือนที่ผ่านมาก็ขายไปแล้ว 4 ลำ
ปัจจุบัน จีนมีเศรษฐีที่มีทรัพย์สิน 50 ล้านบาท อยู่ 825,000 คน และที่มีทรัพย์สิน 500 ล้านบาท มีอยู่ 51,000 คน
ทั้งหมดนี้ ร้อยละ 57 ใช้เงินปีละ 5-15 ล้านบาท และอีกร้อยละ 18 ใช้เงินมากกว่า 15 ล้านบาท ซื้อสินค้าแพงๆ ส่วนกลุ่มที่ซื้อสินค้าแบรนด์เนมส่วนใหญ่อายุระหว่าง 20-40 ปี เป็นกลุ่มที่มีการศึกษาดี มีอัตราเงินเดือนระหว่าง 23,900-239,000 บาท ใช้เงินเดือนส่วนใหญ่หมดไปกับสินค้าหรู
วันเดียวกัน เดลี่เมล์รายงานเปิดตัวเด็กหญิงชาวจีนในเมืองเถาคุน มณฑลชานซี ชื่อน้องผังหยา อายุเพียง 2 ขวบ
แต่มีน้ำหนักตัวมากถึง 41.5 กิโลกรัม ซึ่งเป็นอีกตัวอย่างที่สะท้อนถึงผลกระทบจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน พ่อแม่ของหนูน้อย กล่าวว่า ผังหยามีน้ำหนักแรกเกิดถึง 3.6 กิโลกรัม แพทย์บอกสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมลูกสาวถึงเป็นโรคอ้วน ตอนนี้ตัวใหญ่เกินกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน ซึ่งทำให้พ่อกับแม่วิตกกังวลมาก แต่ยืนยันว่าลูกสาวสุขภาพแข็งแรงดี กินอาหารได้เป็นปกติ
ทั้งนี้ การสำรวจไม่นานนี้พบว่า ชาวจีน 60 ล้านคนที่เป็นโรคอ้วน เพิ่มขึ้นจากช่วงปี 2535-2545 ถึง 2 เท่า หลังจากมีร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเปิดสาขาในจีนมากขึ้นเรื่อยๆ