เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่โรงแรมเอเชีย ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา คณะผู้วิจัยจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว “คู่มือติดตามคนหายเล่มแรกในประเทศไทย กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศ” โดยนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ประธานมูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า แนวโน้มคนหายมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกุญแจสำคัญคือครอบครัวเป็นตัวหลักในการติดตาม นอกจากภาครัฐและเอ็นจีโอที่ช่วยเหลือ โดยเฉพาะช่วงปิดภาคเรียนจะพบปัญหาเด็กหายเพิ่มสูงขึ้น จากแรงกดดันภายในครอบครัวเอง และปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะโลกไซเบอร์ ขณะนี้พบว่ามีการล่าเด็กผ่านช่องทางนี้ สามารถดึงเด็กออกจากห้องนอนที่บ้านได้ตลอดเวลา
ด้านน.ส.ธิติมา หมีปาน หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า สถิติที่ศูนย์ได้รับแจ้งคนหายผ่านทางโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 10-15 ราย
โดย ร้อยละ 80 สามารถติดตามกลับมาได้ และพบว่าร้อยละ 1 ที่ติดตามหาเจอแต่เสียชีวิตแล้ว โดยคนหายส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงช่วงอายุ 11-15 ปี ที่หายออกจากบ้านด้วยความสมัครใจและถูกล่อลวงผ่านการแชททางอินเตอร์เน็ต แชทไลน์ ไฮไฟว์ เฟซบุค รวมถึง SMS ซึ่งเป็นบริการจากเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายหนึ่ง ที่เปิดให้สมัครสมาชิกเพื่อแชทผ่าน SMS ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในหมู่เด็ก เพราะสามารถแชทใต้โต๊ะในห้องเรียนได้ โดยจะสุ่มส่ง SMS ไปหาคนอื่น หากพบว่าคนได้รับข้อความเป็นผู้หญิง ก็จะมีการติดต่อแลกอีเมล์ เบอร์โทรกัน
พบว่าวิธีการนี้เคยมีกรณีเด็กถูกล่อลวงหายตัวไปหลายรายแล้ว
อย่างไรก็ตามคู่มือติดตามคนหายจะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวเพื่อรับทราบข้อมูลเบื้องต้นในการติดตามและการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อตำรวจในการเรียนรู้วิธีการติดตาม ซึ่งผู้สนใจสามารถขอรับได้ฟรีที่มูลนิธิกระจกเงา โทร.0-2941-4194 ต่อ 104 และ 08-1987-0757