ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ว่า มีกลุ่มประชาชนในพื้นที่ หมู่ 8 ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา
แจ้งว่าได้พบรูปปั้นคล้ายกับเจ้าผู้ครองนครในอดีตโผล่พ้นจากรากต้นโพธิ์ในวัดป่าสักคำ หมู่ 8 ซึ่งรูปปั้นดังกล่าวมีการพบเห็นมานานตั้งแต่ก่อตั้งวัดแห่งนี้ ซึ่งมีอายุไม่น้อยกว่า 1,000 ปี ลักษณะสีดำ ขนาดความกว้างของหน้าอกประมาณ 10 นิ้ว ความสูงที่โผล่ออกจากมารากต้นโพธิ์ตั้งแต่ช่วงศรีษะถึงช่วงเอว ประมาณ 1 ฟุต ทำให้ประชาชนจากหลายพื้นที่พากันมาชมความแปลกประหลาดของรูปปั้นจากรากต้นโพธิ์ กันจำนวนมาก
นายเดชศรี ธิวงศ์ นายกเทศมนตรีตำบล(ทต.)ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา กล่าวว่า รูปปั้นดังกล่าวมีส่วนที่โผล่พ้นจากรากต้นโพธิ์มาเฉพาะส่วนศรีษะถึงเอว
ส่วนที่เหลือคาดว่าจะถูกฝังอยู่ในดินใต้รากของต้นโพธิ์ ซึ่งมีประชาชนที่เข้ามาทำบุญในวัดแห่งนี้พบเห็นประจำแต่ไม่ทันสังเกตว่าเป็นรูปปั้นลักษณะใด เมื่อมีประชาชนกลุ่มหนึ่งในพื้นที่ตั้งข้อสังเกตว่าคล้ายกับองค์กษัติริย์ของเมืองพะเยา คือ พ่อขุนจอมธรรม ตรงนี้จึงมีประชาชนตื่นเต้นและมากราบไหว้บูชากันมากขึ้น
นายก ทต.ท่าวังทอง กล่าวต่อว่า การพิสูจน์ความเป็นมาของรูปปั้นองค์นี้ ตนกำลังให้เจ้าหน้าที่ประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น หอจดหมายเหตุ กรมศิลปากร หรือ สำนักงานพระพุทธศาสนา ที่จะต้องดูแลวัดและสำนักสงฆ์ หากให้ ทต.ท่าวังทอง ไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเองก่อนที่หน่วยงานทางราชการที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาสำรวจ เพราะไม่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์เหล่านี้มากนัก อีกทั้งขั้นตอนการดูแลและรักษาสมบัติแผ่นดินเหล่านี้ ต้องมีส่วนราชการทั้งภาครัฐ คณะสงฆ์ และ ท้องถิ่น ร่วมกันดูแลรักษาอย่างมีส่วนร่วม
“ระหว่างที่กำลังรอการประสานงานกลับมาจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ผมได้แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ให้ได้รับทราบข้อมูล ส่วน ทต.ท่าวังทอง ได้ประสานงานโดยตรงกับสมาชิกตำรวจบ้าน(สตบ.) เข้ามาร่วมกันจัดเวรยามดูแลและรักษาความปลอดภัยภายในวัดป่าสักคำด้วย” นายเดชศรี กล่าว
ด้านพระศรีสุทธิเวที รองเจ้าคณะจังหวัดพะเยา กล่าวว่า วัดแห่งนี้มีพระสงฆ์ประจำเพียง 1 รูป
ดังนั้นคงต้องประสานงานขอความช่วยเหลือไปยังฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจ และ อาสาสมัครที่จะร่วมกันดูแลวัดป่าสักคำ เพื่อให้เป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาและรักษาสิ่งที่เป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุต่อไป ขณะที่พระญาณวิทย์ อติธัมโม รักษาการเจ้าอาวาส วัดป่าสักคำ กล่าวว่า หลังจากที่อาตมาได้มาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ก็ได้พบองค์รูปปั้นนี้โพล่ขึ้นมาจากรากของต้นโพธิ์ ซึ่งหลวงพ่อทอง อดีตเจ้าอาวาสวัด ได้ปลูกไว้มานานหลายปีที่ผ่านมา ต้นโพธิแห่งนี้มีมาคู่กับวัดป่าสักคำที่มีอายุกว่า 1,000 ปี เคยมีการขุดรากต้นโพธิ์เพื่อต้องการจะเอารูปปั้นออกมาจากรากต้นโพธิ์ แต่ไม่สามารถทำได้ สุดท้ายจนต้องล้มเลิกความพยายามปล่อยทิ้งไว้จนถึงปัจจุบัน ต่อมามีพุทธศาสนิกชนเข้ามาวัดฟังเทศก์ฟังธรรม และมาศึกษาธรรมะ วิปัสสนา พบเห็น จนมีการบอกต่อกันมีผู้คนเขามาเข้ามาเที่ยวชมกันมากขึ้น
เบื้องต้นสันนิษฐานว่า รูปปั้นองค์นี้มีลักษณะคล้ายกับกษัตริย์หรือผู้ครองเมืองพะเยาหรือไม่ก็ครองเมืองหรือจังหวัดอื่น ๆ
แล้วมีผู้คนหรืออาจจะเป็นของเก่าแก่ภายในวัดที่มีอยู่แล้วเกิดการจมหายลงไปในดิน แล้วมีการปลูกต้นโพธิ์ทับไว้ เมื่อต้นโพธิ์เติบใหญ่ทำให้องค์รูปปั้น ได้ติดขึ้นมากับรากต้นโพธิ์พ้นดินขึ้นมาให้เห็น ส่วนรูปปั้นคล้ายกับเป็นรูปปั้นของอดีตกษัตริย์ผู้ครองเมืองทางเหนือ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นรูปปั้นของใครกันแน่ เนื่องเอาขึ้นมาจากใต้ดินไม่ได้นั่นเอง แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแบบธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งที่หาดูได้ยาก ซึ่งทางวัดจะได้รักษาไว้เพื่อให้ผู้คนทั่วไปได้มาชม