ท่านเปาบุรีรัมย์ฟ้องร.พ.ผ่าต้อกระจก พ่อบอดสนิท ปัดความรับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. นายกฤษดา ศรีกัลยา ผู้พิพากษาศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำนายพินิจพงษ์ ศรีกัลยา อายุ 69 ปี อยู่เลขที่ 30/2 ถ.สุรนารายณ์ 15 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา บิดา มาร้องขอความเป็นธรรมต่อสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้ยื่นฟ้องเอาผิดแพทย์และ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่จังหวัดนครราชสีมา หลังนายพินิจพงษ์ เข้าผ่าตัดต้อกระจก มีผลข้างเคียงเกิดอาการปวดตาพร่ามัวจนทำให้ตาข้างซ้ายบอด แต่ทางโรงพยาบาลปฏิเสธความรับผิดชอบไม่รักษาต่อและชดใช้ค่าเสียหาย
นายพินิจพงษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้าเข้าผ่าตัดมีอาการตาฝ้าฟางระหว่างขับรถตอนกลางคืน จึงเข้าปรึกษาแพทย์ โดยแพทย์ระบุว่าเป็นต้อกระจกต้องผ่าตัดทั้ง 2 ข้างจึงจะหายขาด ทางโรงพยาบาลคิดค่าผ่าตัดข้างละ 17,000 บาท ตนจึงขอผ่าตัดทีละข้างก่อน เริ่มจากตาข้างซ้าย เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2552 หลังผ่ากลับมีอาการปวดตาทั้งที่กินยาที่หมอให้มาสม่ำเสมอ จากนั้นอีก 3 วัน ไปปรึกษาแพทย์ได้รับคำตอบว่าเป็นอาการปกติ ผ่านไปอีก 7 วัน เข้าไปปรึกษาแพทย์อีกครั้งแพทย์ก็ยังอ้างว่าปกติ หลังจากนั้นอีก 5 วัน เกิดอาการปวดรุนแรงจึงเข้าไปพบแพทย์ ครั้งนี้แพทย์กลับบอกว่าไม่สามารถรักษาได้พร้อมแนะนำให้ไปรักษาที่อื่น จึงไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ หมอสรุปว่าสาเหตุเกิดจากจอประสาทตาเสื่อม
นายกฤษดา กล่าวว่า ตนหวังพึ่งร.พ.เอกชนเพราะคิดว่าจะดีกว่าร.พ.รัฐบาลทั้งๆที่ตนสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการรักษาให้พ่อได้ทั้งหมด หลังจากทราบผลการรักษาแล้วได้พยายามติดต่อโรงพยาบาล เพื่อไปรักษาต่อหรือรับผิดชอบเพราะระหว่างการรักษามีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นกว่า 200,000 บาท จึงอยากจะให้โรงพยาบาลออกมารับผิดชอบ เพราะทั้งหมดเกิดจากความผิดพลาดของโรงพยาบาลทั้งสิ้น
ด้านนายพลกฤษ เนาว์ประโคน ประธานสภาทนายความจ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า เบื้องต้นเห็นว่าโรงพยาบาลน่าจะออกมารับผิดชอบหรือปรึกษาหาทางออกไม่ควรปฏิเสธการดูแลคนไข้ อย่างไรก็ตามทางสภาทนายความจะดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อไป