เปิดแค่ 10 วัน ´สุวรรณภูมิ´ สูญหลายล้าน

แม้สนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้อย่างเป็นทางการมาเป็นวันที่ 10 แล้ว


แต่ความขลุกขลักในการให้บริการภายในสนามบินยังมีอยู่และเป็นปัญหาเดิมๆ โดยผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00-10.00 น. ได้เกิดปัญหาระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารเที่ยวบินขาออกไม่อ่านบาร์โค้ดเพื่อคัดแยกกระเป๋าออกจากสายพานลำเลียงไปยังเครื่องบินเที่ยวบินต่างๆ ทั้งในเส้นทางบินในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้กระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารตกค้างที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นจำนวนมาก ขณะที่เครื่องบินออกตามปกติไม่ดีเลย์


ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับ


โทรศัพท์ร้องทุกข์จากพระวงศ์สิน ลาภิโก ที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูตไทยที่เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซีย โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ ทีจี 433 เครื่องลงจอดที่สนามบินกรุงจาการ์ตา ว่าหลังจากลงจากเครื่องแล้ว ปรากฏว่ากระเป๋าสัมภาระต่างๆยังตกค้างอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางมาในเที่ยวบินเดียวกันต่างบ่นอุบ เพราะต้องเสียเวลารอกระเป๋า ซึ่งไม่รู้จะไปถึงเมื่อไหร่ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นต้องเสียเวลามาก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ความขลุกขลักต่างๆในสนามบินสุวรรณภูมิจะสิ้นสุดลงเสียที



จากนั้นในเวลาประมาณ 13.30 น.


นายสมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ และนายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานพัฒนาโครงการลงทุน บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ได้แถลงข่าวร่วมกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยนายสมชัยกล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความรับผิดชอบของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.)

เนื่องจากระบบสายพานลำเลียงเป็นการดำเนินการของ ทอท. ซึ่งเมื่อระบบไม่อ่านบาร์โค้ดของเที่ยวบินและของผู้โดยสาร ทำให้การลำเลียงกระเป๋ามีความผิดพลาดไม่รู้ว่าจะส่งไปที่สายพานอะไร เที่ยวบินอะไร กระเป๋าจึงไปอยู่ที่สายพานที่เป็นส่วนของกระเป๋าที่มีปัญหาซึ่งตกค้างจำนวนมาก ดังนั้นทาง ทอท. จึงขอความร่วมมือทหารที่เข้ามาช่วยเหลือ ช่วยกันคัดแยกกระเป๋าออกจากสายพานดังกล่าว แต่กระเป๋าที่อยู่ในสายพานมีปัญหาดังกล่าวมีจำนวนมากจึงทำให้การคัดแยกล่าช้า อย่างไรก็ตาม จะรีบคัดแยกและให้สายการบินจัดส่งให้ผู้โดยสารเร็วที่สุด

นายสมชัยกล่าว


ยืนยันว่าได้มีการแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมดแล้ว โดยให้บริษัทคาวาซากิ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาในการก่อสร้างระบบสายพานมาดูแล และเปลี่ยนการใช้ระบบทำงานแบบเดิม ที่เป็นออโตเมติกมาใช้คนทำงานแทน หรือระบบแมนน่วล จะใช้เวลาแตกต่างในการทำงาน ระหว่างระบบเดิมกับระบบใหม่ ประมาณ 15 วินาที

และจะใช้ระบบแมนน่วลจนถึงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 9 ตุลาคมนี้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าระบบจะไม่เกิดปัญหาขึ้นอีก และเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ ที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง และ เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ส่งผลให้สายการบินเกิดการล่าช้าแต่อย่างใด


ด้านนายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานพัฒนาโครงการลงทุน บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ


ในฐานะรักษาการ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการลานจอด และอุปกรณ์ภาคพื้น กล่าวว่า จากที่มีการตรวจสอบกระเป๋าที่ตกค้างจากที่มีปัญหาพบว่าเป็นเที่ยวบินของสายการบินไทยจำนวน 16 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินในประเทศ 2 เที่ยวบิน และเที่ยวบินต่างประเทศ 14 เที่ยวบิน ซึ่งกระเป๋าที่ตกค้างของการบินไทยมีกว่า 2,000-3,000 ใบ จาก 6,000-7,000 ใบ


การบินไทยจึงให้เจ้าหน้าที่เข้าไปคัดแยกแล้วรีบจัดส่งให้กับผู้โดยสารในเที่ยวบินถัดไปทันที และให้ คนเข้ามาช่วยคัดแยกตั้งแต่เช็กอินแยกสายพานกระเป๋าไปก่อนในช่วง 1-2 วันนี้ สัปดาห์หน้าจึงจะกลับไปใช้ ระบบสายพานลำเลียงแบบเดิม ที่ ทอท. ดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน หากกลับไปใช้แล้วมีปัญหาอีกจะเกิดความวุ่นวาย นอกจากนี้การบินไทยจะมีการประชุมร่วมกับ ทอท. บริษัทคาวาซากิ

ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาที่ดูแลเรื่องระบบสายพานลำเลียง และสายการบินต่างๆ เพื่อวางแผนและหามาตรการในการรองรับ หากมีเหตุการณ์ เกิดขึ้นอีกจะได้ไม่ทำให้ผู้โดยสารวุ่นวาย โดยการบินไทยได้ขอกำลังทหารเข้ามาเสริมประมาณ 30 นาย จากเดิม 500 นาย เข้ามาติดป้ายก่อนกระเป๋าส่งขึ้นเครื่อง

นายโชคชัยกล่าวอีกว่า


การบินไทยมีการแก้ไขปัญหาสัมภาระตกค้าง โดยจะให้เที่ยวบินถัดไปที่จะเดินทางไปยังปลายทางเดียวกันกับที่กระเป๋าผู้โดยสารเกิดการตกค้างจัดส่งให้ได้ทั้งหมดในวันนี้ ยกเว้นเที่ยวบินที่ต้องมีการส่งกระเป๋าล่าช้าที่สุด คือเส้นทางสุวรรณภูมิ-ซิดนีย์ ที่ผู้โดยสารจะได้รับกระเป๋าในวันที่ 8 ต.ค.


สำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเกินกว่าที่การบินไทยกำหนดไว้ว่าจะต้องไม่เกินร้อยละ 0.6 แต่ปัญหาขณะนี้มีสูงถึงร้อยละ 10 แล้ว โดยการบินไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการชดเชยแก่ผู้โดยสารที่ส่งกระเป๋าล่าช้าเป็นเงินหลายล้านบาท ตั้งแต่ท่าอากาศยานเปิดให้บริการวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า


นอกจากปัญหาระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าไม่ทำงานแล้ว บรรยากาศโดยทั่วไปที่สนามบินสุวรรณภูมิตลอดวัน ซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ มีประชาชนเดินทางมาใช้บริการสนามบินกันอย่างคับคั่ง เนื่องจากสายการบินต่างๆทั้งภายในและต่างประเทศมีเที่ยวบินเข้าออกเป็นจำนวนมาก

ขณะที่จำนวนผู้มาเที่ยวชมอาคารสนามบินกลับบางตากว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ปัญหาห้องสุขาสำหรับผู้มาใช้บริการก็ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในส่วนห้องน้ำหญิง มีการต่อคิวจนแถวล้นออกมาบริเวณด้านนอก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนบริเวณรอบนอกสนามบิน โดยเฉพาะบริเวณถนนคู่ขนานรันเวย์เส้นออกไปทางถนนบางนา-ตราด กลับยังมีประชาชนจำนวนมากหอบลูกจูงหลานมาจอดรถชมการขึ้นลงของสายการบินต่างๆกันอย่างครึกครื้น บางครอบครัวก็นำข้าวปลาอาหารมานั่งรับประทานราวกับมาปิกนิกด้วย

อย่างไรก็ดี ในช่วงเที่ยงวันเดียวกัน


ผู้สื่อข่าวได้รับโทรศัพท์ร้องทุกข์จากผู้ใช้บริการสายการบินแอร์เอเชีย ว่า เกิดเหตุระทึกขวัญเมื่อเที่ยวบินที่เอฟดี 3151 ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยัง จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 09.00 น.

แต่หลังเดินทางออกไปได้กว่า 1 ชั่วโมง กัปตันต้องนำเครื่องบินกลับมาลงฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิอีกครั้ง เนื่องจากเกิดความขัดข้องในระบบเครื่องยนต์ทางปีกขวาของเครื่อง ขณะกำลังบินผ่านเกาะล้าน จ.ชลบุรี

ทำให้เครื่องไม่สามารถบินขึ้นจากระดับ 9,000 ฟิต ไปยังเพดานบินที่ 30,000 ฟิตได้ ท่ามกลางการลุ้นระทึกของผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องบินกว่า 100 คน


ทั้งนี้ นายอโณทัย ผาสุวรรณ อาจารย์จากสถาบันวิจัยเคมี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี วัย 40 ปี


หนึ่งในผู้โดยสารเที่ยวบินดังกล่าวให้สัมภาษณ์หลังต้องกลับมาตั้งหลักที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้งว่า

เห็นความผิดปกติของเครื่องตั้งแต่ยังไม่ออกบิน เนื่องจากที่บริเวณเครื่องยนต์ทางปีกขวาของเครื่องบินมีแผ่นเหล็กหลุดออกไป 1 ชิ้น เมื่อสอบถามพนักงานบนเครื่องกลับได้รับคำตอบว่า เครื่องบินปกติดี ไม่มีปัญหา แต่ สุดท้ายก็เกิดความขัดข้อง ต้องบินกลับมายังสนามบินสุวรรณภูมิอีก


ขณะที่เจ้าหน้าที่สายการบินไทยแอร์เอเชียแจ้งต่อผู้โดยสารว่า


เป็นปัญหาเพียงน้ำมันเครื่องบินไม่พอบินไปถึง จ.นราธิวาส ที่เป็นจุดหมายปลายทาง ไม่ใช่ปัญหาทางเครื่องยนต์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากผู้โดยสารไม่มั่นใจ จะมีผู้บริหารของไทยแอร์เอเชียขึ้นเครื่องไปเป็นเพื่อนด้วย เพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัย

ซึ่งต่อมาในเวลา 14.30 น. เที่ยวบินที่ 3151 ก็ได้ขึ้นบินไปยัง จ.นราธิวาส อีกครั้ง และถึง จ.นราธิวาส อย่างปลอดภัยในเวลาประมาณ 16.00 น.





แหล่งที่มา:

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์