เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 26 มกราคม นายสันติ นิลวัฒน์ นักวิชาการชำนาญการ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง จ.สงขลา
ได้รับแจ้งจาก นางอนงค์ กระจายโภชน์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ที่ 10 ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง ว่าขณะที่นำเรือหางยาวออกไปกู้ไซปลา ที่ทะเลสาบสงขลา บริเวณชายฝั่งบ้านปากหวะ ท้องที่ หมู่ที่ 10 ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง ปรากฏว่าได้พบ ซากลูกโลมาอิรวดี ถูกคลื่นซัดลอยน้ำมาติดอยู่กับต้นลำภูชายฝั่งทะเลสาบ และขณะนี้ได้นำซากลูกโลมาดังกล่าวมาไว้ที่ชายฝั่งบ้านปากหวะแล้ว จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
จาการสอบตรวจพบว่า เป็นลูกโลมาอิรวดี เพศเมีย อายุประมาณ 10-12 เดือน ขนาดความยาวประมาณ 1 เมตร น้ำหนักประมาณ 18 กก.
ตายมาแล้วประมาณ 5 -7 วันโดยสภาพซากโลมาลิ้นจุกปาก และผิวหนังด้านนอกเริ่มลอกเป็นสีขาวและเริ่มเน่าเปื่อย ที่บริเวณท้องแตกตรงสะดือมีลำใส้ทะลักออกมาข้างนอก ส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งกระจาย ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากการที่ตัวแม่ตายไปก่อน จึงทำให้ลูกโลมาอดอาหารและน้ำนม เนื่องจากโลมาอิรวดีเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยลูกโลมาจะกินนมแม่อยู่จนอายุ 8 เดือน ถึง ปีครึ่ง และเมื่อตัวตายไปลูกซึ่งมีอายุได้ไม่ถึงปี จึงตายตามดังกล่าว จึงได้นำซากลูกโลมาดังกล่าว ที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง จ.สงขลา เพื่อตรวจสอบซากโลมาและหาสาเหตุการตายอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามในรอบเดือนมกราคมนี้ พบซากโลมาตายในทะเลสาบสงขลาแล้ว 4 ตัว โดยตัวที่พบครั้งนี้เป็นตัวที่ 4
นายสันติ กล่าวว่าโลมาอิรวดี เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และหายใจด้วยปอด โดยแม่โลมาจะตั้งท้องแต่ละครั้งนานประมาณ 12 เดือน
และลูกที่เพิ่งเกิดใหม่จะกินนมแม่จนอายุประมาณ ปีครึ่ง จากนั้นจึงจะหากินเองได้ แต่ก็ยังร่วมหากินอยู่ในฝูง และซากลูกโลมาที่ตายครั้งนี้ น่าจะเป็นลูกของแม่โลมาที่ตายเมื่อ 10 วันก่อน ซึ่งจะได้นำซากโลมาไปตรวจหา ดีเอ็นเอ. อีกครั้งว่าจะเป็นญาติกันหรือไม่ และจะดูปัญหาเรื่องเลือดชิดด้วย เนื่องจากหากผสมพัธุ์กันเองในเลือดชิด จะทำให้สัตว์อ่อนแอและ แสดงลักษณะด้อย อย่างไรก็ตามในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา พบโลมาอิรวดีตายแล้ว จำนวน6 ตัว โดยเดือนมกราคม 4 ตัว และเมื่อเดือนธันวาคม จำนวน 2 ตัว