"เสริมคันกั้นน้ำหวั่นท่วมกรุง"
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. นายสามารถ โชคคณาพิทักษ์ อธิบดีกรม ชลประทาน ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจตั้งแต่กรุงเทพมหานครถึงนครสวรรค์ พบน้ำท่วมสองฝังแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไม่มีพนังกั้น ส่วน จ.พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ล้นพนังกั้นน้ำที่ทำไว้ ส่วนเขตพื้นที่ชั้นในมีน้ำท่วมเป็นวงกว้าง เช่นเดียวกับ จ.พิจิตร และนครสวรรค์ ที่บางจุดระดับน้ำเกือบถึงหลังคา
นายสามารถเปิดเผยว่า ที่เป็นปัญหามากคือ จ.นคร-สวรรค์ และพิจิตร มีปริมาณน้ำท่วมขังประมาณ 2,500-3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร กว่าน้ำจะลดอาจเป็นเดือน พ.ย. สำหรับ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี และอ่างทอง น้ำจะเริ่มลดลงภายใน 4 วัน ส่วนน้ำในเขื่อนป่าสักฯในวันที่ 7 ต.ค.นี้จะมีปริมาณสูงสุดที่ 983 ล้านลูกบาศก์เมตร แม้จะเกินความจุอ่าง แต่อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
การป้องกันไม่ให้น้ำท่วมกรุงเทพมหานครนั้น จะควบคุมน้ำที่ไหลผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่ให้เกิน 3,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงวันที่ 11 ต.ค. จะมีน้ำทะเลหนุน ส่งผลให้ระดับน้ำสูงขึ้นอีก 40 เซนติเมตร ดังนั้นจะเสริมคันกั้นน้ำในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี ส่วนเขตลาดกระบัง หนองจอก มีปัญหาเรื่องฝนตกทำให้ปริมาณน้ำมากขึ้น จึงเร่งสูบออกทะเลที่บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และที่สถานีสูบน้ำสำโรง จ.สมุทรปราการ ที่จะต้องเพิ่มเครื่องสูบน้ำเข้าไป เพราะเครื่องสูบน้ำเดิมส่งมอบให้เทศบาลสำโรงไปแล้ว แต่เทศบาลไม่มีงบประมาณซ่อมบำรุง จึงมีเครื่องสูบน้ำที่สถานีสูบน้ำสำโรงที่ใช้งานไม่ได้ 20 เครื่อง จากทั้งสิ้น 25 เครื่อง อธิบดีกรมชลประทานกล่าว