หนุ่มใหญ่วัย 60 อาการประสาทกำเริบหวาดระแวงน้องเขยวัย 56 จะทำร้าย คว้ามีดดาบกระหน่ำแทง 6 แผล ขณะนั่งกินข้าวดับสยองคาร้านขายของชำก่อนเผ่นหนี น้องสาวเผยพี่ชายเป็นคนโมโหร้าย ญาติเคยคิดจะพาไปรักษาตัวกลับถูกด่าจนไม่มีใครกล้ายุ่ง โดยมักพกดาบที่ใช้ก่อเหตุติดตัวอยู่ตลอด อีกรายที่ศรีราชาน้องชายคว้าปืนลูกซองยิงพี่ชายโรค ประสาทดับคาบ้าน ขณะลงมือทุบตีบุพการี-ทำลายข้าวของต่อหน้าต่อตาจนทนพฤติกรรมไม่ไหว
เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 24 ม.ค. พ.ต.ท. ปวรชัย บุรกรณ์ สวส.สน.ดินแดง
รับแจ้งเกิดเหตุฆ่ากันตายภายในบ้านเลขที่ 3764 ซ.โรงหนังจักรวาล ถ.ดินแดง แขวงและเขตดินแดง กทม. หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน. ดินแดง พ.ต.ท.กรต ประพันธ์พจน์ รองผกก. สส.ฯ พ.ต.ท.ณัฐภัทร คูหาทอง สว.สส. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช ร.พ.รามา ธิบดี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 3 ชั้น ปลูกติดกันหลายคูหา
เปิดเป็นร้านขายของชำชื่อ ร้านต.เจริญ ที่ชั้นล่างพื้นห้อง พบร่องรอยการต่อสู้จนข้าวของกระจัดกระจาย พบศพนายสุเชาว์ พัฒนเจริญ อายุ 56 ปี ในสภาพนอนหงายไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงวอร์มขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกของมีคมฟันและแทงเข้าที่กลางหน้าอก กลางหลัง ใต้รักแร้ซ้าย ต้นแขนซ้าย มือซ้าย และบริเวณลำคอ รวม 6 แผล นอกจากนี้ ที่ลำคอมีมีดดาบขนาด 1 ฟุต ปักคาอยู่ที่คอเป็นที่น่าสยดสยอง ใกล้กันมี นางสุวรรณา แซ่เตีย อายุ 55 ปี ภรรยาผู้ตายและเป็นเจ้าของร้านขายของชำ ยืนดูศพสามีด้วยความตกใจ และอยู่ในอาการร้องไห้ตลอดเวลา
สอบสวนนางสุวรรณากล่าวว่า
ผู้ที่ลงมือก่อเหตุฆ่าสามีคือ นายวัชระ สถิตธรรมเจริญ อายุ 60 ปี มีศักดิ์เป็นพี่ชายแท้ๆ ของตน โดยผู้ตายเป็นน้องเขย ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 04.00 น. ตนและผู้ตายช่วยกันเปิดร้านขายของ จากนั้นผู้ตายได้มานั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะชั้นล่าง ส่วนตนกำลังจัดเก็บข้าวของ ต่อมา พี่ชายซึ่งพักอยู่ชั้นบนได้เดินลงบันไดบ้านมาจากชั้น 3 พอมาถึงชั้นล่างมองเห็นสามีนั่งกินข้าวจึงเดินกลับขึ้นไปบนห้อง แล้วลงมาใหม่อีกครั้งพร้อมถือมีดดาบติดมือมาด้วย เมื่อลงมาถึงได้เรียกชื่อของสามีก่อนจะหันไปมองแล้วถูกพี่ชายใช้มีดดาบกระหน่ำแทงหลายครั้ง โดยที่คนตายไม่ทันป้องกันตัวจนเสียชีวิตดังกล่าว หลังก่อเหตุพี่ชายได้ไขกุญแจหน้าร้านวิ่งหลบหนีไป
นางสุวรรณากล่าวต่อว่า
ปกตินายวัชระไม่ได้ทำงานทำการอะไร และมักจะไปๆ มาๆ ที่บ้านของตน โดยปกติช่วงเช้าหลังจากพี่ชายกินอาหารที่บ้านแล้ว มักจะออกไปข้างนอก พอตอนดึกจะกลับเข้ามาทุกวัน ซึ่งพี่ชายมีอาการทางประสาทอ่อนๆ และเป็นโรคนอนไม่ค่อยหลับ มักจะหวาดระแวงกลัวว่าจะมีคนมาทำร้าย ได้พกมีดดาบที่ใช้ก่อเหตุติดตัวอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังเป็นคนโมโหร้าย ญาติๆ จะพาตัวไปรักษาถูกพี่ชายต่อว่าจนไม่มีใครกล้าสุงสิง ส่วนตนไม่กล้าไปยุ่งด้วย และอยู่ด้วยกันอย่างหวาดกลัวว่าจะถูกพี่ชายทำร้าย
"ซึ่งสามีกับพี่ชายไม่เคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อน แต่พี่ชายมักจะคิดไปเองว่าคนตายจะมาทำร้าย จึงตัดสินใจให้สามีไปเช่าตึกที่อยู่ห่างออกไปสามคูหาเป็นที่พัก และจะเรียกให้มาช่วยขายของหลังจากที่พี่ชายออกไปข้างนอก หรือไม่ตอนที่พี่ชายขึ้นไปนอน แต่วันนี้พี่ชายนอนไม่หลับและเดินลงมาเห็นสามีกำลังนั่งกินข้าวจึงเกิดความโมโหหวาดระแวง ได้ลงมือก่อเหตุสยองขึ้น" นางสุวรรณากล่าว
ด้านพ.ต.ท.ณัฐภัทรกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามหาตัวนายวัชระผู้ก่อเหตุ คาดว่าจะหลบหนีไปไม่ไกล เพื่อจะได้นำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป
อีกรายที่ศรีราชา พ.ต.ท.จักรินทร์ ทั่วสุภาพ พงส.(สบ 3) สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันตาย ภายในบ้านเลขที่ 223/1 ม.6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ. บางละมุง พ.ต.ท.นิตย์ วิธินันทกิตติ์ สว.สส. พร้อมกำลังชุดสืบสวน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ พัทยา รุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ภายในห้องโถงหลังบ้านพบศพนายมนตรี แซ่เล้า อายุ 40 ปี สภาพนอนหงายจมกองเลือดอยู่ภายในห้องโถง สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ถูกยิงด้วยปืนลูกซองแบบไทยประดิษฐ์ เบอร์ 12 ยิงเข้าที่หน้าผาก 1 นัด ภายในที่เกิดเหตุยังพบ นายกำพล แซ่เล้า อายุ 32 ปี น้องชายแท้ๆ ถือปืนลูกซองยืนรอมอบตัวอยู่ โดยมีนางวันเพ็ญ แซ่เล้า อายุ 63 ปี มารดา ร่ำไห้ด้วยความเสียใจที่ลูกชายทั้งสองคนต้องมาฆ่ากันเอง
สอบปากคำนายกำพล ให้การรับสารภาพว่า
สาเหตุที่ใช้อาวุธปืนยิงพี่ชายตายเป็นเพราะเกิดความแค้นที่นายมนตรี มักจะลงมือทำร้ายร่างกายแม่จนได้รับบาดเจ็บอยู่เป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุได้ลงมือซ้อมบุพการีต่อหน้าต่อตา พอเข้าไปห้ามกลับคว้าอาวุธไม้จะทำร้ายตน ด้วยความโกรธและเกิดบันดาลโทสะ จึงยิงพี่ชายเสียชีวิต
ด้านนางวันเพ็ญกล่าวว่า
นายมนตรีมักจะลงมือทำร้ายร่างกายตนอยู่เป็นประจำ ทั้งนี้คาดว่าเป็นเพราะเมื่อช่วงวัยรุ่นลูกชายติดยาเสพติด ทำให้สติไม่ค่อยสมประกอบ ด้วยความรักลูกจึงไม่ได้เข้าแจ้งความ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ตนเสียใจเป็นอย่างมากเพราะลูกชายอีกคนต้องตาย ส่วนอีกคนก็ต้องติดคุก
ภายหลังพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเรียบร้อย จึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายต่อไป