ย้อนรอย2หนุ่ม(น้อย)สุดฮอตในมติชนออนไลน์ ทั้ง"น้องหม่อง"และ"เคอิโงะ" ผู้สร้างกระแสฟีเวอร์ในปี52 สุดท้ายเหลือ หนุ่มฮอตจากโต๊ะภูมิภาค คงหนีไม่พ้นหนุ่ม(น้อย) 2 คนนี้ที่กินกันไม่ลง ทั้ง "เคอิโงะ" และ "น้องหม่อง" เด็กชายทั้ง 2 คนที่มีความเกี่ยวข้องกับแดนปลาดิบ
เริ่มจาก "เคอิโงะ" กลายเป็นหนุ่มฮอต ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. หนังสือพิมพ์ข่าวสดตีข่าวเด็กชายลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ถือรูปพ่อชาวอาทิตย์อุทัยถามหากับนักท่องเที่ยวที่มาสักการะหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง จ.พิจิตร ตามคำสั่งเสียของแม่ ต่อมารมว.ต่างประเทศได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องไปพบเด็กเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ต่อมาได้รู้ที่อยู่และชื่อนาย "คัตซูมิ ซาโตะ"
อย่างไรก็ตาม ข่าวเคอิโงะก็พ่นพิษ นายประสิทธิ์ มีช้าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร ถูกย้ายด่วนไปประจำจังหวัดบุรีรัมย์ โทษฐานรู้เรื่องเคอิโงะมากว่า 1 ปี แต่กลับทำนิ่งเฉยไม่ยอมช่วยเหลือ
16 พ.ค. เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศแจ้งทางบ้านเคอิโงะว่า พบตัวนายคัทซูมิแล้ว แต่ไม่สะดวกจะเดินทางมาเมืองไทย เมื่อเคอิโงะรู้ข่าวร้ายนี้ถึงกับร้องไห้และซึมเศร้าง คิดว่าพ่อไม่รัก
จนวันที่ 19 พ.ค. สถานทูตญี่ปุ่นในไทยแจ้งว่า นายคัตซูมิยอมรับเคอิโงะเป็นลูกชายแล้ว พร้อมนัดจะโทรศัพท์มาหาลูกชายในวันที่ 22 พ.ค. แต่กำหนดเงื่อนไขขอคุยกับลูกส่วนตัว ไม่ให้สื่อมวลชนเข้าฟังหรือถ่ายภาพ
วันที่รอคอยก็มาถึง "เคอิโงะ" ได้คุยกับพ่อเกือบชั่วโมง แม้จะต้องสื่อสารผ่านล่าม แต่เด็กน้อยก็ตื้นตันออกจากห้องโทรศัพท์ด้วยตาแดงแฝงความสุข ระหว่างนั้น "เคอิโงะ" ดังจนฉุดไม่อยู่ ถูกปั้นให้เป็นนักร้องเจ้าของเพลง "พ่อจ๋าอยู่ไหน" และ "หมวยแพนดา" ในอัลบั้ม "ของฝากจากพิจิตร"
วันที่ 3 ก.ย. เคอิโงะพยายามติดต่อพ่อทวงถามสัญญาจะมาหาในงานแข่งเรือที่จ.พิจิตร ระหว่างวันที่ 4-6 ก.ย.หรือไม่ แต่นายคัทซูมิก็ไม่ยอมรับปาก
กว่าพ่อลูกจะได้พบกัน ก็วันที่ 2 ต.ค. คัทซูมิเดินทางถึงประเทศไทย เมื่อเคอิโงะเห็นพ่อได้รีบวิ่งโผสวมกอดด้วยความดีใจตั้งแต่บริเวณประตูทางออก เห็นน้ำตาทั้งพ่อและลูกที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากนั้น พ่อลูกก็ตัวติดกันตลอด ทั้งพากันไปเล่นน้ำสวนสยาม รวมทั้งกราบไหว้พระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก จนถึงวันนายคัตซูมิต้องเดินทางกลับญี่ปุ่นในวันที่ 6 ต.ค. แต่ยังรับปากจะพาลูกชายไปอยู่ด้วยในอีกไม่กี่ปีนี้
ปิดฉาก ตำนาน "พ่อจ๋าอยู่ไหน"
เปิดโฉม 2 หนุ่มฮอตจากโต๊ะภูมิภาค ผู้สร้างกระแสในปี 52
ส่วนอีกคน "ด.ช.หม่อง ทองดี" ก็ฮอตในเวลาไล่เลี่ยกัน
ด.ช.หม่อง ทองดี อายุ 12 ปี หรือ น้องหม่อง ศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านห้วยทราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มเป็นข่าวตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. 52 หลังคว้าแชมป์การแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับชิงแชมป์ประเทศไทย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี โดยน้องหม่องร่อนเครื่องบินกระดาษได้นานที่สุดถึง 12.5 วินาที
แต่น้องหม่องติดปัญหาเป็นเด็กไร้สัญชาติ จึงไม่สามารถขอทำพาสปอร์ตเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับชิงแชมป์ที่ประเทศญี่ปุ่นได้ แม้จะเข้าพบผู้ใหญ่ของรัฐก็ไม่เป็นผล ต่างก็อ้างว่าให้สัญชาติไม่ได้ ขณะที่หลายฝ่ายต่างออกมาสนับสนุนให้สัญชาติเด็กคนนี้ เพราะเกิดในประเทศไทยและสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ
สุดท้าย กระทรวงต่างประเทศแก้ปัญหาด้วยการออกพาสปอร์ตเหลือง หรือเอกสารเดินทางคนต่างด้าวให้แทน
จากนั้นน้องหม่องก็ขึ้นเครื่องลัดฟ้าไปญี่ปุ่น สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับในประเภททีม และได้รางวัลที่ 3 ประเภทบุคคลรุ่นเยาวชนชายอายุไม่เกิน 12 ปี จากการพับเครื่องบินร่อนในอากาศได้นาน 10.53 วินาที
เมื่อกลับมาถึงประเทศไทยในวันที่ 21 ก.ย. มีผู้ใหญ่จากกระทรวงวิทยาศาสตร์บอกว่าจะแต่งตั้งให้น้องหม่องเป็นยุวทูตวิทยาศาสตร์ พร้อมให้ทุนการศึกษาจนถึงระดับปริญญาเอก
สร้างกระแส "น้องหม่องฟีเวอร์" ที่เด็กเล็กเด็กน้อยต่างพับเครื่องบินกระดาษกันทั่วบ้านทั่วเมือง
แต่ผ่านมาถึงวันนี้ ยังไร้วี่แววผู้ใหญ่คนดังกล่าวจะให้รางวัลเด็กเก่งคนนี้ แม้จะถูกทวงถามไปแล้วหลายครั้ง ขณะที่น้องหม่องยังตั้งตารอคอยด้วยความหวัง