เตือนระวังโรคตาบอดพุ่งพรวด

ศ.น.พ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม รองประธานคนที่สอง คณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก(WHO) ประมาณการณ์ว่าในปี 2020 ผู้ป่วยสายตาเลือนรางจะเพิ่มขึ้นเป็น 270 ล้านคน ผู้ที่ตาบอด 90 ล้านคน ซึ่ง 3 โรคสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะตาเลือนรางและตาบอดคือ 1.โรคเบาหวานเข้าจอประสาทตา 5% 2.โรคต้อหิน 12% 3.โรคต้อกระจก 50%

ที่เหลือคือมีปัญหาแต่กำเนิด โรคอื่นๆ และอุบัติเหตุ โดยโรคดังกล่าวสามารถป้องกันได้ ซึ่งโรคเบาหวานเข้าจอประสาทตา เกิดในผู้ป่วยเบาหวานที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป จนทำลายเส้นเลือดจอประสาทตา จึงควรได้รับการตรวจจากจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดควบคู่ไปด้วย

"ส่วนโรคต้อหิน เกิดจากความดันภายในลูกตาที่เพิ่มมากขึ้น จนทำให้ตาบอด แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ 1.ชนิดเฉียบพลัน พบในคนสูงอายุ และผู้ที่มีสายตายาวมาแต่กำเนิด เมื่อเป็นจะปวดตามาก เพราะความดันลูกตาเพิ่มขึ้นเร็ว ต้องรีบพบจักษุแพทย์ทันที เพื่อรักษาด้วยเลเซอร์กรณีที่ไม่เป็นมาก หรือผ่าตัดกรณีที่เป็นมาก 2.ชนิดเรื้อรัง เกิดจากกรรมพันธุ์หรือการใช้ยาที่มีสารสเตียรอยด์ หยอดเป็นระยะเวลานานๆ มักพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จึงควรตรวจวัดความดันลูกตาทุกปี แต่การรักษาต้องทำต่อเนื่อง" ศ.น.พ.อุดมศิลป์กล่าว

ศ.น.พ.อุดมศิลป์กล่าวอีกว่า สำหรับโรคต้อกระจกเป็นภาวะการเสื่อมตามอายุของเลนส์ตา จะมีอาการตามัวอย่างเดียว ไม่เจ็บปวด ถ้าทิ้งไว้นานจะค่อยๆ มัวเพิ่มขึ้น ต้อกระจกไม่ได้ทำให้ตาบอดถาวร แต่จะไม่มียารักษา จักษุแพทย์จะแนะนำให้ทำการสลายต้อกระจก หรือเลนส์ตาที่ขุ่นออก แล้วใส่เลนส์ใหม่ที่เรียกว่าเลนส์เทียมแทน ปัจจุบันนี้การสลายต้อกระจกเป็นวิธีที่ดีที่สุด และจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก ด้วยเหตุนี้ ภาค 3350 โรตารี่สากล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จึงร่วมกับมูลนิธิอุทัย รัตนิน สนับสนุนโครงการตาบอดป้องกันได้ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคต้อกระจกให้กลับมามองเห็นชัดเจนอีกครั้ง โดยไม่ต้องสูญเสียดวงตา

ศ.กิตติคุณกฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษาโครงการตาบอดป้องกันได้(Avoidable Blindness) กล่าวว่า โรตารี่สากลร่วมกับโรตารี่ภาค 3350 และร.พ.จักษุรัตนิน ได้จัดโครงการตาบอดป้องกันได้ รักษาผู้ป่วยทางตาที่อยู่ในขั้นที่จะป้องกันหรือแก้ไขได้ แต่ยากไร้ขาดทุนทรัพย์ โดยตั้งเป้าหมายจะช่วยเหลือผู้ป่วยโรคต้อกระจก 80 ราย เพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา

โดยใช้งบประมาณราว 1 ล้านบาท และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ร.พ.รัตนินจะไม่คิดค่าวิชาชีพแพทย์ ทำให้การรักษาผู้ป่วยต่อคนลดลง 10,000 บาท ผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคผ่านทางธนาคารนครหลวงไทย สาขา 196 ย่อยอาคารเบอร์ลี่ยุคเกอร์ 196-2-00826-2 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 0-2300-3542, 0-2717-9141

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด