"ลูกอมเรืองแสง" ของเล่นที่ทานได้ในกลุ่มวัยรุ่น ได้ออกมาวางจำหน่ายระยะเวลาหนึ่ง ในราคา 10 บาท ซึ่งด้ามจับของลูกอมจะสามารถหักและปล่อยสารเรืองแสงออกมาในที่มืด สร้างความน่าสนใจและดึงดูดให้กลุ่มวัยรุ่นซื้อบริโภคเป็นจำนวนมาก
หลังจากนั้นไม่นาน องค์การอาหารและยาได้ออกมาสั่งห้ามจำหน่าย เพราะลูกอมประเภทนี้ ที่ด้ามจับมีสารฟลูออเรสเซนต์เป็นส่วนผสม หากรับประทานจะส่งผลถึงระบบหายใจและทำลายผิวหนังได้ ซึ่งเป็นสินค้าที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศจีน
นางกนิฐา หงส์ทอง แม่ค้าขายของหน้าตลาดโลตัสพงษ์เพชร ได้เล่าให้ฟังว่า ตนได้เก็บลูกอมเรืองแสงไว้ ไม่นำออกมาจำหน่าย
เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเตือน เนื่องจากอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ยังไม่สามารถนำมาวางขายได้ ไม่เช่นนั้นจะริบของกลาง ซึ่งความจริงก่อนหน้านี้ที่จะมีข่าวออกมาตนได้ซื้อลูกอมไว้จำนวนหนึ่ง ก็ยังไม่สามารถนำออกมาขายได้
ความพยายามในการจำหน่ายสินค้าของเหล่าคนทำงานค้าขายยังไม่ลดละ ไม่ว่าจะมีลูกอมนมโต ลูกอมเรืองแสง
ก็ยังมีสเปรย์ฉีดปากที่ให้ความหวานออกมาด้วย แม้สินค้าตัวนี้จะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าลูกอม แต่ก็มีวางจำหน่ายตามย่านค้าขายจำนวนหนึ่ง แม่ค้าห้างยูเนียนมอลล์ท่านหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ว่า ร้านของตนได้จำหน่ายสินค้าพวกนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว ได้ยินข่าวห้ามขายลูกอมเรืองแสง ตนก็เก็บไว้เผื่อว่าเขาประกาศให้จำหน่ายได้ ก็จะนำมาวางขายต่อ เพราะเมื่อซื้อมาแล้วก็ไม่สามารถคืนสู่เจ้าของได้ ทำให้ต้องเสียรายได้ตรงนี้ไปมากทีเดียว แต่อาจมีบางร้านที่ขายสินค้าอื่นที่ไม่ได้สั่งห้ามไปก่อน เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอันตรายอะไร
"ที่ซื้อเพราะว่าเห็นเพื่อนซื้อมาอม เลยอยากเล่นบ้าง มันสวยดี มีให้เลือกหลายสี เช่น สีเหลือง เขียว ม่วง ครั้งแรกที่ซื้อคือ ไปดูหนังแล้วอยากเล่นจึงซื้อ เป็นช่วงก่อนมีการห้ามขาย แต่ตอนนี้เหมือนจะหาซื้อไม่ได้แล้ว" น.ส.ดารารัตน์ สมเจตน์กุล เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟัง
อย่างไรก็ตาม สินค้าเหล่านี้คงจะจัดการให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคได้ยาก
เพราะหากเจ้าหน้าที่รัฐเป็นดำเนินการเพียงลำพัง ไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน คงเป็นไปได้ยากที่สินค้าเหล่านี้จะหมดไปจากตลาดไทย หากผู้บริโภคยังไม่คำนึงถึงสุขภาพของตน คงจะเป็นเรื่องยากที่ "คนอื่น" จะมาดูแลแทน