อย.เตือนกินหอยนางรมดิบ

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เปิดเผยว่า อย.ได้รับข้อมูลจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐ ว่า ขณะนี้มีรายงานการเจ็บป่วยของผู้กินหอยนางรมในมลรัฐต่างๆ ของสหรัฐ เช่น นิวยอร์ก และวอชิงตัน โดยพบเชื้อจุลินทรีย์วิบริโอ พาราเฮโมไลติคัส หรือ VP ในหอยนางรม โดยลักษณะของเชื้อดังกล่าวเป็นแบคทีเรียขนาดเล็กมาก เจริญได้ดีในสภาวะที่มีเกลือ

พบได้เป็นประจำตามแหล่งน้ำทะเลทั่วไป บริเวณปากอ่าวแม่น้ำ และบริเวณชายฝั่งทะเลปิด มีทั้งชนิดที่เป็นเชื้อก่อโรคและไม่ก่อโรค รวมทั้งยังสามารถพบได้ในสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำดังกล่าว ชอบอาศัยอยู่กับสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง กั้ง ปู มากกว่าสัตว์ทะเลชนิดอื่นๆ และเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดอาการของโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ

ทำให้เกิดการติดเชื้อ ในระบบทางเดินอาหาร มีอาการท้องเสียและมีไข้สูง ทั้งนี้เชื้อแบคทีเรียวิบริโอจะเจริญเติบโตในช่วงฤดูร้อนที่ทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งช่วงนี้อัตราการติดเชื้อก็จะสูงขึ้นด้วย

"การนำอาหารทะเลที่ปนเปื้อนเชื้อชนิดนี้ไปแช่ในตู้เย็นที่มีการควบคุมอุณหภูมิไม่ดีเพียงพอก็จะเปิดโอกาสให้เชื้อเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ผู้ที่นิยมบริโภคอาหารทะเลดิบๆ หรือปรุงไม่สุก มีโอกาสติดเชื้อได้มากกว่า ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน อาการของโรคจะทำให้เกิดท้องเสีย เป็นตะคริวในช่องท้อง คลื่นเหียน วิงเวียน อาเจียน ปวดหัว มีไข้ และหนาวสั่น เชื้อชนิดนี้มีระยะฟักตัว 4-96 ช.ม.หลังจากได้รับเชื้อเข้าทางปาก แต่ส่วนใหญ่แล้วอาการจะเกิดประมาณ 15 ช.ม.หลังจากได้รับเชื้อ" เลขาธิการอย.กล่าว

เลขาธิการอย. กล่าวด้วยว่า อาการป่วยที่เกิดจากรับประทานหอยนางรมดิบ สาเหตุอาจไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียวิบริโออย่างเดียว แต่อาจเกิดจากแบคทีเรียอีก 2 ชนิด ได้แก่ ซาลโมเนลลา และแคมไพโล-แบคเทอร์ ซึ่งทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากสารพิษในกลุ่ม Shellfish Poisoning ซึ่งมีอันตรายมากกว่าและอาจถึงแก่ชีวิตได้

ผู้ที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการกินหอยนางรม คือ ผู้สูงอายุ และผู้ที่เป็นโรคในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ โรคตับ โรคไต มะเร็ง เบาหวาน โรคเอดส์ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคตับนั้นมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่ไม่ได้เป็นเกือบ 200 เท่า จึงควรหลีกเลี่ยงการบริโภคหอยนางรมสด

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด