ฮือฮาโบสถ์วัดแหลมตะลุมพุก โผล่ฐานพ้นน้ำทะเลขึ้นมาให้เห็น นับจากเกิดพายุใหญ่ถล่มพังพินาศตั้งแต่ปี 2505 หรือ 47 ปีก่อน
ชาวบ้านแห่รอชมอย่างตื่นเต้น ช่วงน้ำทะเลลงต่ำ ฐานโบสถ์จะปริ่มพ้นน้ำขึ้นมา ห่างจากฝั่งประมาณ 80 เมตร เจ้าอาวาสเผยนับจากโบสถ์พังไปเพราะพายุ จนปัจจุบัน วัดแหลมตะลุมพุกที่เป็นวัดเก่าแก่ก็ยังไม่มีโบสถ์หลังใหม่มาทดแทนแต่อย่างใด แต่กำลังหาทุนก่อสร้างอยู่
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
หลังจากทราบข่าวว่า พระอุโบสถของวัดแหลมตะลุมพุก ที่จมหายไปเมื่อไป 2505 หลังเกิดวาตภัยครั้งใหญ่ โผล่เหนือน้ำขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงที่น้ำลง เมื่อไปถึงพบพระอธิการจตุพร จตุวโร เจ้าอาวาสวัดแหลมตะลุมพุก รวมทั้งประชาชนและนักเรียนจำนวนมาก จับกลุ่มกันอยู่ริมทะเล เพื่อรอดูโบสถ์ดังกล่าวโผล่ขึ้นมาจากทะเล สอบถามทราบว่า โบสถ์จะปรากฏให้เห็นชัดเจนในช่วงน้ำลงเต็มที่ตอนเช้าและเย็น เป็นรูป 4 เหลี่ยมปริ่มน้ำ กว้างประมาณ 8 เมตร ยาวประมาณ 16 เมตร ช่วงเดือนที่จะเห็นชัดเจนคือเดือนพ.ย.-มิ.ย. ซึ่งเวลาน้ำลงก็จะลงเต็มที่ ทำให้เห็นฐานโบสถ์ ระยะห่างจากฝั่งประมาณ 80 เมตร
พระอธิการจตุพร กล่าวว่า วัดแหลมตะลุมพุกสร้างขึ้นเมื่อปี 2400 ในสมัยก่อนมีความเจริญ เป็นเมืองท่าที่จะเข้าไปยังเมืองปากพนัง
มีหลักฐานที่ปรากฏว่าวัดแหลมตะลุมพุกมีที่ดินประมาณ 84 ไร่ แต่เมื่อปี 2505 เกิดวาตภัยครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,300 ราย จากพายุคลื่นถล่มดังกล่าว ทำให้เนื้อที่ของวัดเหลืออยู่ประมาณ 36-37 ไร่เท่านั้น เพราะด้านซึ่งเป็นที่ตั้งโบสถ์ที่ติดกับทะเล คลื่นซัดหายไป สำหรับโบสถ์ ชาวบ้านระบุว่ามีอายุประมาณ 94 ปี ภายในมีสถาปัตยกรรมสวยงามมาก เป็นที่เก็บกระดูกของชาวบ้าน ต้องมาจมอยู่ใต้ท้องทะเลเพราะพายุครั้งนั้น
พระอธิการจตุพร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2550 ตนร่วมกับชาวบ้านได้ออกสำรวจโบสถ์ดังกล่าว ปรากฏว่าพบลูกนิมิต 4 ลูก
ส่วนตัวโบสถ์หลังเกิดวาตภัยครั้งใหญ่ก็พังเสียหายทั้งหมด เหลือแต่ฐานเท่านั้น เมื่อน้ำลดเต็มที่ก็จะโผล่มาให้เห็น จากวันนั้นจนถึงวันนี้รวม 47 ปีเต็ม วัดแหลมตะลุมพุกยังไม่มีอุโบสถหลังใหม่มาทดแทนแต่อย่างใด ทางวัดได้ร่วมกับญาติโยมหาทุนก่อสร้างอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จอีกไม่นานนี้ อ.ปากพนังมีวัดทั้งหมด 52 วัด แต่วัดแหลมตะลุมพุก เป็นวัดเก่าแก่วัดเดียวที่ยังไม่มีอุโบสถ เนื่องจากจมทะเลไปดังกล่าว
นายอนันต์ บุญโชติ อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 ม.3 ต.บางพระ อ.ปากพนัง คนแก่ในพื้นที่ กล่าวว่า สมัยก่อนตนไปวัดเป็นประจำ และจำโบสถ์หลังนี้ได้อย่างแม่นยำ แต่หลังจากเกิดวาตภัยก็พังเสียหายจมทะลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกแล้ว เมื่อเห็นว่ายังมีฐานของโบสถ์เหลืออยู่ ชาวบ้านก็รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง