เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว จ.แม่ฮ่องสอน รายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น. วานนี้ นายปกรณ์ จีนาคำ รองนายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน และรถดับเพลิง ได้เดินทางขึ้นไปทำการดับไฟป่า บริเวณวัดพระธาตุดอยกองมู โดยได้ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ในการควบคุมไฟป่าดังกล่าว ทั้งนี้การดับไฟป่าในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวนับเป็นครั้งที่ 3 ภายในวันเดียวกัน โดยครั้งแรก ทางหน่วยดับเพลิงเทศบาลเมือง ได้รับแจ้งเหตุทาง โทรศัพท์ เลขหมาย 199 เมื่อเวลา 13.15 น. ว่าเกิดเหตุไฟป่า บนวัดพระธาตุดอยกองมู บริเวณทางทิศเหนือของบริเวณวัด ต่อมาเมื่อเวลา 16..45 น. ได้รับแจ้งเหตุอีกครั้งว่า เกิดเหตุไฟป่า บริเวณทางขึ้นวัดพระธาตุดอยกองมู โดยทั้ง ๒ ครั้งเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิง ฯ ได้เข้าทำการดับไฟป่าจนแล้วเสร็จ โดยขณะที่ทำการดับไฟป่าอยู่นั้น บริเวณบนวัดพระธาตุดอยกองมู ยังคงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่เดินทางขึ้นไปนมัสการพระธาตุ ฯ และมีการปล่อยกระทงสวรรค์ และโคมลอยอยู่ตลอดเวลา
ต่อมาเวลา 18.30 น. ในวันเดียวกัน หน่วยดับเพลิงเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ จากประชาชนทั่วไปและ นักท่องเที่ยว กว่า 50 สาย ว่าได้เกิดไฟป่า บนวัดพระธาตุดอยกองมู อีกครั้ง
จึงได้แจ้งให้ประสานไปยังหน่วยดับไฟป่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อให้เข้าไปดำเนินการ เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ระหว่างยอดเขากับตีนเขา ซึ่งรถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปไปในจุดเกิดเหตุได้ รวมทั้งสายดับเพลิงก็มีความยาวไม่ถึง แต่หลังจากเวลาผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง หน่วยดับไฟป่ายังไม่เข้าทำการดับไฟป่าในจุดดังกล่าว ทางหน่วยดับเพลิงของเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน จึงได้ให้เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิง ทำการใช้เครื่องมือดับไฟป่า เข้าไปทำการดับไฟป่าที่เกิดขึ้นและใช้น้ำจากรถดับเพลิงฉีดพ่นป้องกันการลุกลามของไฟป่าออกไปมากกว่าเดิม โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการดับไฟป่าถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง จากการเข้าดับไฟป่าทั้ง 3 ครั้งในพื้นที่เดียวกันแต่จุดเกิดเหตุห่างกันไม่มากนัก พบว่า ไฟป่าดังกล่าว น่าจะมีสาเหตุ 2 ประการคือ เกิดจากการลอบเผาไฟป่า ของราษฎรที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง ที่ต้องการเก็บใบตองตึงเพื่อมาทำหลังคามุงบ้านเรือน และอีกประการหนึ่งคือเกิดจากไฟจากโคมลอยที่ปล่อยขึ้นไปบนท้องฟ้าและตกลงมาใส่ใบไม้แห้งในป่า จนทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นมา
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อเกิดเหตุไฟป่า ได้มีหลายหน่วยงาน รวมไปถึงประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่โทรเข้ามาแจ้งเหตุด่วน
ที่หมายเลขโทรศัพท์ 199 ของหน่วยดับเพลิงเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งทางหน่วยดับเพลิง ได้พยายามแจ้งให้โทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยดับไฟป่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่ก็ยังไม่มีหน่วยดับไฟป่าเข้าไปทำการดับไฟป่าแต่อย่างใด จนกระทั่งหน่วยดับเพลิง ฯ เห็นว่า สถานการณ์ไฟป่า ได้ลุกลามออกไปเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งหากไม่เข้าไปทำการควบคุมเพลิงและดับไฟป่า อาจจะทำให้เกิดการลุกลามใหญ่โตและสร้างความเสียหายให้กับวัดพระธาตุดอยกองมู และบ้านเรือนราษฎรในบริเวณใกล้เคียง จึงได้ส่งหน่วยดับเพลิงขึ้นไปทำการดับไฟป่าแทนหน่วยดับไฟป่า ทั้งนี้หลังจากหน่วยดับเพลิงเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ได้เข้าไปดับไฟป่าในวันเดียวถึง ๒ ครั้ง พบว่า หน่วยดับไฟป่าที่ได้รับแจ้งเหตุไปแล้ว ไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่หรืออุปกรณ์ในการดับไฟป่า มาทำการดับไฟป่า หรือช่วยเหลือหน่วยดับเพลิงของเทศบาลเมืองแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม การเกิดไฟป่าดังกล่าว น่าจะเป็นสิ่งบอกเหตุให้ทราบได้ถึง ความรุนแรงจากไฟป่าในฤดูแล้งที่จะถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้
เนื่องจากพบว่า สภาพอากาศ มีความแห้งแล้งเร็วกว่าปกติ โดยจะสังเกตได้จาก ใบไม้ในป่ารอบ ๆ ตัวเมืองได้มีการผลัดใบเร็วกว่าปกติถึง ๒ เดือน ทั้งนี้ป่าเบญจพรรณ ของแม่ฮ่องสอน จะเริ่มทำการผลัดใบในห้วงเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี แต่ปีนี้แค่เดือน ธันวาคม ก็มีการผลัดใบแล้ว คาดว่า ในห้วงเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ อาจจะมีเหตุไฟป่าเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน