เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ผู้จัดการพื้นที่พิเศษเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พร้อมคณะได้นำสื่อมวลชนดูสภาพพื้นที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้เห็นเบื้องหลังการดูแลสัตว์ หลังเกิดกรณีลูกฮิปโปตายที่ร.พ.สัตว์ไนท์ซาฟารี
นายณรงค์ กล่าวว่า สำหรับลูกฮิปโปได้ขอให้สัตวแพทย์จากม.เชียงใหม่ ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายแล้ว
ทราบว่ามาจากการขาดอากาศหายใจ ตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน โดยลูกฮิปโปหลุดหายจากร.พ.สัตว์เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. และมาพบตายในท่อน้ำทิ้งในวันที่ 7 ธ.ค. เบื้องต้นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ได้ความว่าการสูญหายดังกล่าวเกิดจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่เลี้ยงสัตว์ และสัตวแพทย์ที่เข้าเวร โดยตัดสินใจใช้กรงเหล็กสูงประมาณ 1 เมตร ล้อมลูกฮิปโปที่ต้องรักษาด้วยน้ำอุ่นในเรือไฟเบอร์ ภาวะเช่นนั้นเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าที่ทำอยู่ ทั้งนี้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจะดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับอย่างเป็นธรรม
นายณรงค์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับลูกฮิปโป ก่อนหน้านี้คนดูแลสัตว์แจ้งมายังสัตวแพทย์ว่ามีอาการตัวซีดและปากเป็นสีม่วง ออกอาการไม่ดี
ทีมแพทย์จึงได้ตัดสินใจแยกมาจากพ่อแม่ จากนั้นร.พ.สัตว์เริ่มรักษาโดยเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย เอาผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวและฉีดยารักษา อาการลูกฮิปโปดีขึ้นตามลำดับ แต่ต้องเลี้ยงดูอาการต่อไป โดยให้อยู่ข้างนอกอาคารในเรือไฟเบอร์ ใส่น้ำอุ่นไว้ ทำรั้วกั้นไว้สูง 1 เมตร ทำให้อาการลูกฮิปโปดีขึ้นตามลำดับ จนปีนข้ามรั้วหายไปในที่สุด หลังจากลูกฮิปโปหายไปแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ออกตามหาตลอดตามโซนต่างๆ ทั้งหมด 7 โซน แต่ก็ไม่พบ เพราะลูกฮิปโปมุดไปตามท่อน้ำทิ้งและเดินไปตามท่อ กระทั่งมาตายที่ปากท่ออีกด้านหนึ่ง หากไปตายระหว่างท่อ จะไม่มีโอกาสเห็นลูกฮิปโปเลย และจะเป็นปริศนาอีกนาน ไนท์ซาฟารีกำหนดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับลูกฮิปโปและสัตว์ที่เสียชีวิตตัวอื่นๆ ในวันที่ 10 ธ.ค. เวลา 09.00 น.
ค้านไนท์ซาฟารีประมูลนอแรด
นายณรงค์ เปิดเผยอีกว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ๆประมาทเลินเล่อ นั้น การลงโทษเรามีระเบียบอยู่ โดยจะนำเรื่องทั้งหมดส่งให้กับองค์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนดูแลไนท์ซาฟารี
ภายใต้สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และรายงานให้กับรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลกำกับต่อไป โดยมีเจ้าหน้าที่ๆเกี่ยวข้องกับการหาย การตายของลูกฮิปโป 4 คน เป็นผู้ดูแลสัตว์ 3 คน และสัตวแพทย์ 1 คน ส่วนผลการสรุปของคณะกรรมการได้ออกมาเบื้องต้นเป็นการกระทำประมาทโดยไม่เจตนา
นายณรงค์ กล่าวว่า ขอประชาสัมพันธ์ว่า ไนท์ซาฟารีเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้ามาประกวดราคาร่วมประมูลนอแรดขาวของไนท์ซาฟารี
ราคากลางตั้งไว้ที่ 1.2 ล้านบาท ตั้งจากราคาแรดตัวเป็นๆและจากสรรพคุณทางยาคือ ก.ก.ละ 3 แสนบาท สำหรับนอแรดดังกล่าวได้มาจากแรดขาวที่เราเอามาจากแอฟริกา และเสียชีวิตลงที่ไนท์ซาฟารีเมื่อหลายเดือนก่อน จึงเก็บซากและนอไว้ สำหรับเงินที่ได้ก็จะเอามาบริหารจัดการไนท์ซาฟารีต่อไป การประมูลนี้ไม่ขัดต่อกฎหมายแต่อย่างใด เพราะกฎหมายไทยจะคุ้มครองเฉพาะสัตว์สงวนของไทย ห้ามขายอย่างเด็ดขาด ถ้าตายต้องเผาทำลายเท่านั้น ส่วนสัตว์ป่าจากต่างประเทศกฎหมายไทยไม่ได้คุ้มครอง สามารถนำซากออกประมูลหรือขายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับเรื่องการประมูลขายนอแรดขาว ดังกล่าว ทางสำนักงานพื้นที่พิเศษเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ติดประกาศไว้
มีข้อความว่า "สำนักงานพื้นที่พิเศษเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (สพพ.2) มีความประสงค์จะขายซากสัตว์ชนิด นอแรดขาว จำนวน 2 นอ ขนาดน้ำหนักรวม 4.105 ก.ก. โดยวิธีประมูลด้วยวาจา ในวันที่ 23 ธ.ค.ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป มีราคากลางกำหนดไว้ที่ 1,230,000 บาท (หนึ่งล้านสองแสนสามหมื่นบาทถ้วน) และเป็นการประมูลด้วยวาจา ผู้ชนะการประมูล หมายถึงผู้ที่เสนอราคาสูงสุด จะได้รับการประกาศอนุมัติการขายจากคณะกรรมการ ในการประมูลวันที่ 23 ธ.ค."
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า สำหรับแรดขาวในสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีตัวที่ตายเป็นแรดเพศเมียชื่อลินดา อายุ 28 ปี ตายหลังจากป่วยกินอาหารไม่ได้นานสองเดือน
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมาอยู่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2548 ต่อมาเดือนก.พ.2552 เริ่มมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ไม่ยอมนอน กินอาหารน้อยลง แพทย์ให้การรักษา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ลินดาก็ล้มลงและลุกไม่ได้อีกเลยก่อนเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้น
นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวว่า ทางสวนสัตว์ก็มีแรดตาย แต่ได้เก็บรักษานอแรดไว้ ไม่ขายหรือประมูลอย่างเด็ดขาด
เพื่อให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะเด็กๆ ที่มาสวนสัตว์ได้ศึกษา ได้ความรู้ในหลายๆ ด้าน รู้ว่าการอนุรักษ์ซากสัตว์มีความสำคัญอย่างไร ก่อนหน้านี้มีแรดของสวนสัตว์ชื่อ"นาดีย์" เพศผู้ เกิดเมื่อปี 2521 ที่เมืองสตุ๊ตการ์ต ประเทศเยอรมนี มาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ปี 2545 ต่อมาป่วยมีอาการท้องเสียและตายลง ทางสวนสัตว์ได้เก็บนอไว้เพื่อให้เด็กๆ มาทัศนศึกษาหาความรู้ นอกจากนี้ยังมีงาช้างของช้างพลายเอก ซึ่งเป็นช้างงาเดียวที่มีงายาวที่สุดในโลก เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ให้ชมด้วย ไม่ขายหรือประมูลแน่นอน
นายสัญญา ศุกระศร ประธานศูนย์สวัสดิภาพสัตว์เชียงใหม่ กล่าวว่า การที่ไนท์ซาฟารีจะประมูลนอแรดขาวดังกล่าว เป็นเรื่องไม่เหมาะอย่างยิ่ง
แม้ว่ากฎหมายของไทยจะไม่ครอบคลุมคุ้มครองซากสัตว์พวกนี้ก็ตาม เพราะสัตว์พวกนี้มาอยู่ในประเทศไทยเราเอาเขามาแสดงมาโชว์ มาทำคุณประโยชน์หาผลประโยชน์ เมื่อเขาตายไปแล้ว ก็ควรจะเก็บซากชิ้นส่วนสำคัญมาเก็บในพิพิธภัณฑ์สัตว์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเยาวชน นักเรียนนักศึกษาได้ชมได้ศึกษา ก่อนหน้านี้ไนท์ซาฟารีเคยมีความคิดสร้างภัตตาคารอาหารเปิบพิสดารเนื้อสัตว์ป่าที่ตาย ก็โดนทักท้วงจนล้มเลิกไป มาคราวนี้จะเอานอแรดขาวมาประมูลอีก ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง น่าจะทบทวนให้ดีๆ