บรรยากาศโดยรอบโรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรทั่วทุกหมู่เหล่าต่างพร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพูมานั่งรอเฝ้ารับเสด็จตั้งแต่เวลา 04.00 น. เมื่อรวมกับประชาชนที่นอนค้างคืนรอรับเสด็จตั้งแต่คืนที่ผ่านมา (4 ธ.ค.) จึงทำให้ลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรฯ เนืองแน่นไปด้วยประชาชน และต่างก็โบกธงชาติพร้อมธงตราสัญลักษณ์ 82 พรรษา
นางพนอ อุมัษเฐียร อายุ 59 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เดินทางออกมาจากบ้านตั้งแต่ตีสาม ด้วยเป็นคนย่านฝั่งธนฯ และเห็นว่าโรงพยาบาลศิริราชอยู่ใกล้ จึงตั้งใจเดินทางมาร่วมรับเสด็จและอยากจะเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิด
"วันนี้เดินทางมาคนเดียว อยากจะเห็นพระพักตร์พระองค์มาก เมื่อวันลอยกระทงที่ทรงลงมาลอยกระทงไม่รู้มาก่อนจึงมาไม่ทัน ตั้งแต่พระองค์ท่านประชวร ก็มาลงนามหลายรอบ ลงนามเสร็จก็จะมายืนสวดอยู่ที่ต้นไม้ พร้อมกับมองไปบนอาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้นที่พระองค์ท่านประทับ อยากให้พระองค์ท่านหายไวๆ พระองค์ท่านทำเพื่อประชาชนมาตลอด เหนื่อยจนไม่รู้ว่าเหนื่อยอย่างไร จึงอยากถวายพระพรให้แก่พระองค์ ทรงเป็นตัวอย่างให้แก่ประชาชนได้เห็น เป็นพระมหากษัตริย์ที่ติดดินมาก ห่วงประชาชนตลอดเวลา ถึงแม้วันนี้แดดจะร้อนก็ไม่กลัว ขอให้ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่านเท่านั้นก็พอ เพราะรักพระองค์ท่านมาก" นางพนอกล่าว
นายนคร ประสาทพร อายุ 52 ปี อาชีพค้าขาย ซึ่งนอนค้างอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวานนี้(4 ธ.ค.) ด้วยอยากจะสัมผัสกับบรรยากาศของการรับเสด็จพร้อมกับเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยตาของตัวเองแทนการดูโทรทัศน์
"จริงๆ แล้วจะดูทีวีก็ได้ แต่ความรู้สึกที่มาที่นี่กับเวลาดูโทรทัศน์มันต่างกันมาก ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นพระองค์ท่าน แต่การได้มาสัมผัสบรรยากาศที่ทุกคนพร้อมใจกันมาร่วมถวายพระพรและรับเสด็จมันเหนือคำบรรยาย ก่อนนี้ก็รับรู้และรู้สึกว่าทรงเป็นเพียงพระมหากษัตริย์องค์หนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อได้เห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ผ่านทางสื่อต่างๆ จึงรู้สึกว่าพระมหากษัตริย์ของบ้านเรานั้นเป็นบุคคลที่น่าเคารพและนับถือมากที่สุด จึงตัดสินใจมาร่วมรับเสด็จและมาเฝ้าติดตามพระอาการประชวรของพระองค์ท่าน อยากเห็นพระองค์ท่านสักครั้งในชีวิต" นายนครกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 08.00 น. ทางโรงพยาบาลได้เปิดเพลงชาติ ประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จต่างพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนตรงและร่วมร้องเพลง พร้อมๆ กับโบกธงชาติไทยอย่างพร้อมเพรียง และหลังจากร้องเพลงชาติจบต่างก็เปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" อย่างกึกก้อง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังก็อนุญาตให้ประชาชนเข้ามารับเสด็จบริเวณหน้าศิริราชมูลนิธิ ตึกมหิดลบำเพ็ญ โดยกำหนดให้อยู่หลังรั้วรอบสนามเท่านั้น ซึ่งประชาชนจำนวนมากที่เฝ้ารออยู่บริเวณลานพระราชานุสารีย์ต่างวิ่งกรูมาจับจองพื้นที่ทันที
ประชาชนเฝ้าแน่นพระบรมมหาราชวัง
เช่นเดียวกับบริเวณพระบรมมหาราชวัง ที่คลาคล่ำไปด้วยพสกนิกรที่พร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพู ทั้งนี้ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ประชาชนจากทั่วสารทิศต่างทยอยกันมาจับจองพื้นที่บริเวณหน้าศาลาสหทัยสมาคม โดยเฉพาะบริเวณสองข้างทางจากประตูวิเศษไชยศรีที่ขบวนรถยนต์พระที่นั่งจะเสด็จฯ ผ่าน
ขณะเดียวกัน พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร คณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต และประชาชนต่างเดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรกันอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและภริยา ม.จ.ภีศเดช รัชนี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัยและภริยา นายบรรหาร ศิลปอาชา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รวมทั้งบรรดาคณะทูตและผู้แทนจากประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น อาร์เจนตินา นอร์เวย์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผู้แทนทูตจากสหภาพยุโรป เป็นต้น
พร้อมกันนี้ทางสำนักพระราชวังได้เตรียมหนังสือที่ระลึกไว้แจกแก่ประชาชนที่เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรด้วยได้แก่ หนังสือสมาธิในพระพุทธศาสนา พระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร หนังสือถนนหนทาง(ในโครงการพบกันครึ่งทาง) พิมพ์ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา พุทธศักราช 2552 และแผ่นพับชื่อว่า หลักชาวพุทธ ภูมิธรรมขั้นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาการแห่งชีวิตและสังคม
สำหรับผู้เข้าร่วมในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา บริเวณพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยสำนักพระราชวังได้เตรียมหนังสือสมุดภาพปริทัศน์พระราชวังไทย ซึ่งประกอบด้วยภาพพาโนรามา 360 องศา 6 พระราชวัง ได้แก่ พระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังบางปะอิน พระราชวังสนามจันทร์ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ พระตำหนักประทับแรมอำเภอปากพนัง ซึ่งเป็นภาพ 4 สี่ รวมทั้งสิ้น 138 หน้า พิมพ์ทั้งหมด 3,000 เล่ม
เด็กกำพร้าใต้เฝ้ารับเสด็จ
น.ส.รุสนานี แวดือราแม จาก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงนำเด็กกำพร้าจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา จำนวน 68 คนมาเฝ้ารับเสด็จ กล่าวว่า เด็กๆ รู้สึกตื่นเต้นและตื้นตันใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บางคนปลื้มปีติจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ พร้อมบอกว่าจะเป็นเด็กดีถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"เด็กบางคนร้องไห้เมื่อขบวนรถยนต์พระที่นั่งผ่าน เพราะเป็นครั้งแรกของเขาที่ได้เห็นในหลวงของปวงชนชาวไทย" น.ส.รุสนานี กล่าว
ด.ญ.เมธินี อุดม อายุ 11 ปี เดินทางมาพร้อมครอบครัวจาก จ.จันทบุรี กล่าวว่า เดินทางออกจากบ้านมาตั้งแต่ตีสาม เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จและลงนามถวายพระพร รู้สึกดีใจมาก ขอให้พระองค์ท่านทรงพระเจริญ มีพระพลานามัยแข็งแรง ที่ผ่านมาได้พยายามทำดีถวายในหลวงด้วยการปลูกต้นไม้
ลั่นทำดีถวายในหลวง
นายเพิ่มศักดิ์ บุณชลากุลโกศล ชาวกรุงเทพมหานคร อายุ 59 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป กล่าวว่า ในอดีตเคยเห็นในหลวงเสด็จฯ ไปเยี่ยมประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ตอนนั้นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม พระองค์ท่านเสด็จฯ โดยไม่มีขบวนใดๆ เลย ตั้งแต่นั้นมาก็รู้สึกรักและประทับใจมาก อยากบอกเพียงแค่ว่า พระองค์ท่านอย่าทรงห่วงเลยพวกเราทุกคนจะทำดีถวายในหลวง
นางแจ้ง ขวัญชัย ผู้พิการขาด้านซ้ายลีบเล็ก อายุ 58 ปี ชาวหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งนั่งรถโยกสำหรับคนพิการมาเฝ้ารอรับเสด็จบริเวณหน้าศาลหลักเมืองตั้งแต่เช้ามืดเล่าว่า ปกติตนเองเดินทางโดยรถไฟมาจาก อ.หาดใหญ่ เป็นประจำทุกปีในวันที่ 5 ธันวาคม สำหรับปีนี้มีความตั้งใจเป็นพิเศษโดยก่อนเดินทางมาทุกคืนจะสวดมนต์ขอพรจากพระให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระพลานามัยแข็งแรง เนื่องจากทรงมีพระอาการประชวรและประทับในโรงพยาบาลศิริราช ทุกวันนี้ที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะได้กำลังใจจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หนุ่มเขมรชื่นชมพระบารมี
นายคลำ อายุ 27 ปี ชาวกัมพูชา ที่มาเฝ้ารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ท้องสนามหลวง กล่าวว่า เดินทางมากับเพื่อนชาวกัมพูชา 3 คน เพื่อมาชื่นชมพระบารมีของในหลวง อยากให้พระองค์ท่านหายจากพระอาการประชวร ตอนรับเสด็จได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่านรู้สึกดีใจและรักชื่นชมพระองค์ท่านมาก ส่วนตอนค่ำก็จะเดินชมงานทั่วถนนราชดำเนินด้วย
นายคลำยังกล่าวถึงความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า อยากให้ทั้งสองประเทศมีความรักความสามัคคีปรองดองกัน ไม่อยากให้มีปัญหาทะเลาะกัน กลับมาคืนดีสามัคคีพัฒนาประเทศให้รุ่งเรือง
ด้าน นายชนะชัย ยีรัมย์ อายุ 35 ปี ชาวนา จ.สุรินทร์ ลูกพี่ลูกน้องของ "จา" พนม ยีรัมย์ นักแสดงชื่อดัง กล่าวว่า อยากให้พระองค์ท่านทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว
วอนคนไทยไม่ว่าเสื้อสีไหนให้รักกัน
นายพิศิษฐ์ จิตสามารถ อายุ 46 ปี ชาวนครราชสีมา กล่าวว่า เดินทางมาจากโคราชตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม โดยพักที่สนามหลวงเพราะตั้งใจมาร่วมถวายพระพร และจะรอจุดเทียนชัยในช่วงค่ำด้วย วันนี้ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสามเพื่อเตรียมข้าวของมาทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ทรงอยู่เป็นมิ่งขวัญกำลังใจของปวงชนชาวไทยตลอดไป
นางกรณัฐฎ์ แซ่ล้อ อายุ 50 ปี กล่าวว่า ดีใจมากที่เห็นพระองค์ท่านสุขภาพแข็งแรง ได้เห็นพระองค์ท่านแล้วปลื้มปีติดีใจ อยากให้พระองค์ท่านเป็นมิ่งขวัญร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่คนไทยทั้งหลาย ตอนนี้อยากให้คนไทยไม่ว่าเสื้อสีไหน วัยใด เพศใด หันหน้ามารักกันเพื่อถวายแด่ในหลวง
องคมนตรีนำเด็กชาวเขาถวายพระพร
ส่วนงานมหกรรมวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 ณ บริเวณโรงละครแห่งชาติ สังคีตศาลาและถนนราชดำเนิน จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เพื่อเฉลิมพระเกียรติและส่งเสริมให้ประชาชนได้รับความรู้ ความเข้าใจ และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ระหว่างวันที่ 3-7 ธันวาคม มีกิจกรรมตั้งแต่เวลา 10.00-19.30 น. เช่น การแสดงมายากล การแสดงร่วมสมัยชุดเทวะอัปสรา การแสดงละครนอก เรื่อง มณีพิชัย ตอน ยอพระกลิ่นกินแมว การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ชุดรามราชจักรี การแสดงหุ่นนานาชาติจากประเทศเยอรมนี เกาหลี ฟินแลนด์ ศรีลังกา การแสดงพื้นบ้านภาคกลางโดย ขวัญจิต ศรีประจันต์ มหกรรมกลองพื้นบ้านภาคเหนือ โดยพ่อครูคำ กาไวย์ ศิลปินแห่งชาติ ฟ้อน สะล้อ ซอ ซึง โดยนายมานพ ยาระณะ ศิลปินแห่งชาติ
ตั้งแต่ช่วงเช้ามีเยาวชนของชนเผ่าต่างๆ มาร่วมงานและลงนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับมูลนิธิเผยแผ่ศาสนาและพัฒนาคุณภาพชีวิต มี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธาน เปิดโอกาสให้นักเรียนชาวเขาเผ่าต่างๆ จากโรงเรียนในเขตสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 โรงเรียนพญาลอวิทยาคม จ.พะเยา และโรงเรียนแม่สรวยวิทยาคม จ.เชียงราย อาทิ เผ่ามูเซอ เผ่ากะเหรี่ยง เผ่าม้ง เผ่าเย้า จำนวนทั้งสิ้น 400 คน เดินทางมาร่วมงาน นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนด้อยโอกาสจากมูลนิธิบ้านนกขมิ้นมาร่วมชมงานด้วย โดยมีนายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ต้อนรับ