กำลังซื้อชาวบ้านทรุดหนัก

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน ต.ค.52 

 จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศ 2,242 คนว่า เริ่มมีดัชนีบางรายการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.เท่ากับ 75.4 ลดจากเดือนก.ย.ที่ 75.6 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปัจจุบัน 63.3 ลดจาก 64.3 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต 78.2 เพิ่มจาก 78.0 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 68.0 ลดจาก 68.4 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ 66.9 ลดจาก 67.3 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต 91.2 เพิ่มจาก 91.0
   
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ความเชื่อมั่นลดลงมาจากราคาเชื้อเพลิงในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยราคาเบนซินเพิ่มขึ้นเฉลี่ยลิตรละ 1.80-2.00 บาท ขณะที่ดีเซลเพิ่มลิตรละ 2.60 บาท รวมทั้งความกังวลถึงภาวะค่าครองชีพสูงและราคาสินค้าแพง ได้ส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาต่อผู้บริโภค ทำให้ชะลอการใช้จ่ายลง นอกจากนี้การชะลอโครงการการลงทุน 76 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด รวมถึงความไม่แน่นอนของเสถียรภาพทางการเมือง ก็เป็นปัจจัยลบสำคัญ ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ส่วนปัจจัยบวกยังมาจากโครง การกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจในประเทศ ค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพ

“ดัชนีเดือนต.ค.ที่ปรับตัวลงครั้งแรก รอบ 5 เดือน ถือเป็นเรื่องที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะมีปัจจัยด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ที่เคลื่อนไหวสวนทางอย่างหลากหลาย และขัดแย้ง ทั้งปัญหาราคาน้ำมัน ค่าครองชีพ มาบตาพุดและการเมือง จนทำให้ภาพความเชื่อมั่นในปัจจุบัน ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวม และการจ้างงานลดลง รวมถึงความเชื่อมั่นในอนาคต  ก็มีอัตราเพิ่มที่ชะลอ ตัว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการซื้อรถยนต์ ท่องเที่ยว และการลงทุนเริ่มฟื้นขึ้น เพราะมีโปรโมชั่น ดึงดูดความสนใจ”
   
นายธนวรรธน์กล่าวว่า แม้ทิศทางความเชื่อมั่นไตรมาสสี่จะมีแนวโน้มปรับขึ้น แต่คาดว่าการใช้จ่ายจะไม่คึกคักตลอดทั้งไตร มาส จนกระทั่งถึงเทศกาลปีใหม่ เนื่องจากประมาณการจีดีพีไตรมาสสี่ที่จะพลิกกลับเป็นบวก ยังโตกระจุกในกลุ่มเศรษฐกิจมหภาคกับธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น.