หัวใจพ่อพองสุดดีใจเจอลูกที่ถูกลักหายกว่า2ปีหอบหลักฐานแจ้งตำรวจเตรียมรับลูกคืน
วันที่ (12 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีตำรวจจับกุมนางช้อน สีส่อง ชาว จ.หนองคาย ลักพาตัว 2 พี่น้อง ด.ช.เอกภาพ อิศรางกูร อายุ 6 ปี และ ด.ญ.ธงทอง อิศรางกูร อายุ 5 ขวบ จากท้องสนามหลวง
ไปเร่ขายที่ จ.อุดรธานี ความคืบหน้า พ.ต.ต.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยว่าเบื้องต้นได้ควบคุมตัวนางช้อน สีส่อง อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาลักพาตัวเด็กจากท้องสนามหลวง ไปไว้ที่บ้านใน จ.อุดรธานี ตามหมายจับของศาลอาญา ข้อหาปราศจากเหตุอันควรพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง ไว้ที่ห้องคุมขัง สน.ชนะสงคราม โดยทางพนักงานสอบสวน จะดำเนินการส่งฟ้องศาลและฝากขังที่ศาลอาญา ในวันศุกร์ที่ 13 พ.ย.นี้ ส่วน 2 หนูน้อยผู้เสียหาย ส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศิริราชแล้ว ด้านนายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่าฝากเตือนผู้ปกครองให้ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด หากพบสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับเด็กให้แจ้งศูนย์ประชาบดี โทร.1300 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ต่อมาในช่วงค่ำ นายจ่อย ลากุล อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไปพร้อมด้วย ด.ช.สมนึก หรือน้องนึก ลากุล อายุ 10 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 71/4 ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
ได้เดินทางเข้าพบกับ พ.ต.ท.บรรยง แตงมั่งคง รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงครามและพ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนางช้อน ศรีส่อง ผู้ต้องหาที่ลักพาตัว ด.ญ.ธงทอง หรือน้องส้ม อิศรางกูร อายุ 5 ขวบและด.ช.เอกภพ หรือน้องขนุน อิศรางกูร อายุ 6 ขวบ บุตรสาวและบุตรชายของนางปานทิพย์ อิศรางกูร แม่ค้าขายของย่านสนามหลวงไป ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม กับ สภ.ศรีธาตุ ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ขณะที่นำตัวเด็กทั้งสองไปเพื่อเร่ขายที่ จ.อุดรธานี และทำการขยายผลช่วยเหลือ ด.ญ.วัย 5 ขวบและ 8 ขวบได้อีก 2 ราย โดย 1 ใน 2 รายนั้นเป็นบุตรสาวของนายจ่อย ชื่อ ด.ญ.สมหญิง ลากุล หรือน้องหญิง ที่ถูกคนร้ายลักพาตัวไปจากสนามหลวง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2550
โดยนายจ่อย ให้การว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ศรีธาตุ จ.อุดร ได้แจ้งมายังตนว่าพบบุตรสาวที่หายไปแล้ว
โดยถูกนางช้อน ลักพาตัวมาขายให้กับครอบครัวหนึ่งใน จ.อุดร จึงรีบเดินทางมาจากบ้านที่จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อนำหลักฐานเป็นสูติบัตรของ ด.ญ.สมหญิง รวมทั้งรูปถ่ายและทะเบียนบ้านมามอบให้เป็นหลักฐานและแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาย ก่อนหน้าที่น้องหญิงบุตรสาวจะหายตัวไป นางบุญนำ ทิบโสต อายุ 30 ปี ภรรยาที่แยกทางกันได้เดินทางขึ้นมากรุงเทพฯ เพื่อหางานทำ ก่อนที่จะได้ไปทำงานก่อสร้างที่ จ.นนทบุรี โดยภรรยาได้นำตัวน้องนึกและน้องหญิง มาด้วย ซึ่งภายหลังจากที่บุตรสาวหายตัวไปภรรยาของตนได้เล่าให้ฟังว่า ขณะนอนหลับพักผ่อนอยู่ที่ท้องสนามหลวง แล้วปล่อยให้น้องหญิงวิ่งเล่นกับพี่ชาย จากนั้นลูกชายเดินกลับมาคนเดียว บอกว่ามีผู้ชายมาชวนน้องหญิง ไปกินขนมก่อนจะจูงมือหายไป ซึ่งตนก็มาทราบเรื่องดังกล่าวจากภรรยาหลังจากเกิดเหตุแล้วประมาณ 3-4เดือน โดยที่ภรรยาตนไม่ได้แจ้งความอะไรไว้เลย จากนั้นตนจึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา และพยายามออกตามหาบุตรสาวจนหมดเงินไปหลายหมื่นบาท แต่ก็ไม่พบ จนคิดว่าหมดหวังแล้ว กระทั่งมาทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบตัวบุตรสาวแล้ว จึงรีบนำหลักฐานมาแสดงเพื่อติดต่อขอรับตัวลูกกลับ
"รู้สึกดีใจมาก ที่จะได้เจอลูกที่หายไปกว่า 2 ปี ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีก"นายจ่อย กล่าวอย่างตื้นตัน
ด้านพ.ต.ท.บรรยง กล่าวว่า ขณะนี้ทางน้องหญิงอยู่ในความดูแลของสังคมสงเคราะห์ จ.อุดรธานี
ตามกระบวนการจะรวบรวมเอกสารที่บิดาเด็กที่นำมาแสดง แล้งประสานไปยัง สภ.ศรีธาตุและสังคมสงเคาระห์ จ.อุดรธานี เพื่อดำเนินการรขอรับตัวน้องหญิง กลับต่อไป แต่หากหลักฐานไม่พอเพียงอาจต้องมีการเจาะเลือด พิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการรับตัวต่อไป.