นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการปิดบัญชีโครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตรตาม นโยบายรัฐบาลที่สิ้นสุดระยะดำเนินการไปแล้ว
เพื่อสรุปภาระหนี้สินทั้งหมดและจัดหาแหล่งเงินทุนมาชำระหนี้คืนให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ซึ่งมียอดหนี้คงเหลือจำนวน 214,402.91 ล้านบาท จากโครงการทั้งหมด 14 โครงการและครม.ยังเห็นชอบให้ใช้เงินทุนของธ.ก.ส.เพื่อรับฝากข้าวเปลือกปี 52/53 ในยุ้งฉางเกษตรกรเพื่อรอการจำหน่าย โดยชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกร ในอัตราเอ็มอาร์อาร์ บวก 1% ปัจจุบันเอ็มอาร์อาร์อยู่ที่ 7.75% หากมีผลขาดทุนรัฐบาลต้องเป็นผู้รับภาระ ตามทเห็นชอบให้จัดสรรเงิน 1,706 ล้านบาท ให้กับธ.ก.ส.เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่าย ในโครงการประกันรายได้เกษตรกร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
นอกจากนี้ครม.ยังเห็นชอบนโยบายและมาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปลาป่น ปี 53 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งการนำเข้าตามกรอบองค์การการค้าโลก,ข้อตกลงเอฟทีเอไทย-นิวซีแลนด์, ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ญี่ปุ่น, กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟต้า เป็นต้น ทั้งอัตราภาษีนำเข้าและปริมาณที่ให้นำเข้า
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 52 (30 ก.ย.52) ภาระหนี้ค้างชำระโครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตรตามนโยบายรัฐบาล เมื่อหักการเบิกเงินชดเชยภาระขาดทุนจากสำนักงบประมาณไปแล้ว มีจำนวน 214,402.91 ล้านบาทจากโครงการทั้งหมด 14 โครงการ
ทั้งนี้แยกเป็น โครงการที่ใช้เงินทุนของ ธ.ก.ส.รวมทั้งหมด 11 โครงการ มีภาระหนี้คงเหลือ 118,506.74 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการแทรกแซงข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 47/48, ปีการผลิต 48/49, ปีการผลิต 49/50, ปีการผลิต 50/51, ข้าวเปลือกนาปรังปี 48, ปี 49, ปี 50, ปี 51, ปี 52, การระบายข้าวปี 48/49 ให้องค์การคลังสินค้า (อคส.), กุ้งขาวแวนนาไมปี 51 ปี 52 ส่วนโครงการที่ใช้เงินกู้สถาบันการเงินมี 3 โครงการ มีจำนวนหนี้คงเหลือ 95,896.17 ล้านบาท คือ โครงการข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 51/52 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 51/52 มันสำปะหลังปี 51/52
“กระทรวงการคลังเห็นว่าการระบายผลิตผลทางการเกษตรไม่มีแผนการจำหน่ายที่ชัดเจน ทำให้การชำระหนี้คืนธ.ก.ส. มีจำนวนน้อยและล่าช้า ขณะที่ธ.ก.ส. เป็นสถาบันการเงินซึ่งมีความจำเป็นในการบริหารเงินทุนให้เพียงพอต่อการดำเนินงานตามภารกิจที่รัฐบาลมอบหมาย จึงจำเป็นที่รัฐบาลต้องเร่งจัดหาแหล่งเงินทุนมาชดเชยให้กับธ.ก.ส.ต่อไป”
นอกจากนี้ครม.ยังเห็นชอบผลการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกร เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอว่ามีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ขึ้นทะเบียนมาใช้สิทธิประกันรายได้แล้ว 20,503 รายหรือคิดเป็น 5.23% ของจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน เกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังยังไม่มีการใช้สิทธิ แต่มาทำสัญญาแล้ว 199,012 รายหรือ 45.49% ของผู้ที่มาขึ้นทะเบียน.