ตีนแมวเหิมบุกฉกโน้ตบุ๊กผู้ว่าฯเมืองลับแลในรพ.

     ต่อมา น.ส.ไพโรจน์  อ้นกระโทก อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 91/1 หมู่ 7 ต.หาดกรวด อ.เมืองอุตรดิตถ์ คนเฝ้าไข้ห้องพิเศษ 704 มาพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังตรวจสอบหาหลักฐานที่บริเวณห้องพัก 710 แจ้งให้ทราบว่า กระเป๋าสะพายขนาดเล็กสีเลือดหมูสำหรับใส่เอกสารและเครื่องสำอางค์ ได้หายไปขณะนอนหลับพักอยู่ในห้องเลขที่ดังกล่าวเพื่อนอนเฝ้าไข้มารดา ทั้งนี้ได้รับแจ้งว่าที่ห้องพักพิเศษ 810 ชั้น 3 ในตึดอาคารเดียวกัน นางสุริยา  ปานโปร่ง อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 158/1 หมู่ 5 ต.ท่าเสา อ.เมืองอุตรดิตถ์ คนนอนเฝ้าไข้ แจ้งให้ทราบว่าโทรศัพท์มือถือจากจีนแดง ซึ่งกำลังชาร์จแบตเตอรี่อยู่ที่ใต้เตียงนอนคนไข้หายไป ขณะที่ไปทำธุระส่วนตัวภายในห้องน้ำ

     ขณะเดียวกันพนักงานทำความสะอาดตึกพิเศษ 7 ของโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ แจ้งให้ทราบว่า ได้พบกระเป๋าสะพายสีเลือดหมูวางทิ้งอยู่ที่บนกระถางต้นไม้บริเวณระเบียงของตึก ตรวจเอกสารพบเป็นของ น.ส.ไพโรจน์  อ้นกระโทก ซึ่งเป็นคนเฝ้าไข้ห้อง 704 และเอกสารชนิดอื่นตกอยู่ในลักษณะกระจัดกระจายที่บริเวณเหนือห้องพักผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์และตรงข้ามกับห้อง 701 ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่าคนร้ายได้บุกเข้าไปค้นห้องพักคนไข้ 701 แต่ไม่ได้ทรัพย์สินหรือสิ่งของไป เนื่องจากคนนอนเฝ้าไข้ได้ตกใจตื่นเสียก่อน

     ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเก็บรายนิ้วมือแฝงที่เบริเวณลูกบิดประตูห้องที่เกิดเหตุทั้งห้องพักพิเศษ 710, 804, 704 และ 701 กระเป๋าเงินของนายเสน่ห์ และกระเป๋าของนางไพโรจน์ พร้อมกับสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุจำนวน 3 ปากเพิ่มเติม ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

     พ.ต.ท.ทรงวุฒิ  กล่าวว่า  ในส่วนของการสืบสวนสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้พุ่งเป้าไปยังคนนอกหรือคนในโรงพยาบาล ทั้งนี้ได้รายงานให้ พ.ต.อ.นิคม  เอี่ยมสำอางค์ ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ได้รับทราบแล้ว พร้อมตั้งชุดสืบสวนสอบสวนชุดพิเศษขึ้นมาสืบหาคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้  ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลเองก็ต้องมีมาตราการในการดูแลความปลอดภัยในทรัพย์สินของผู้ป่วยและยาติที่มาเข้าพักภายในโรงพยาบาลด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก

     ด้าน นายแพทย์ดิเรก  กล่าวว่า   ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลในชั้นตึกพิเศษได้แจ้งเตือนให้ญาติที่มาเฝ้าคนไข้ได้มีการระมัดระวังตัวในเรื่องของทรัพย์สินด้วยการสั่งให้ล็อคประตูห้องทุกครั้งพร้อมทั้งมีสติกเกอร์ติดแจ้งเตือนให้ทุกห้องทราบเช่นกัน รวมถึงมีเจ้าหน้าที่เวรพยาบาลเฝ้าระมัดระวังอยู่ตลอด และทางโรงพยาบาลยังไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดตามอาคารต่างๆแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุขึ้นทางโรงพยาบาลจะมีมาตราการด้านความปลอดภัยให้มากขึ้น เชื่อว่าคนร้ายคนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ภายในตึกอาคารที่พักคนไข้ รวมถึงรู้เส้นทางเข้าออกหรือหลบหนีภายในตัวอาคารห้องพักด้วย ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลหรือไม่ คงปล่อยให้เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบหาหลักฐานและข้อมูล

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวคุณภาพดี โดย : หนังสือพิมพ์ข่าวสด