เตือนสามี-ภรรยาทะเลาะกันแรง ระวังหินปูนพอกหลอดเลือดหัวใจ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 มีนาคม 2549 09:40 น.

บีบีซีนิวส์ - การทะเลาะเบาะแว้งระหว่างสามี-ภรรยาไม่ได้นำมาแค่คำพูดหยาบคายเท่านั้น แต่ยังส่งผลร้ายต่อหลอดเลือดหัวใจของแต่ละฝ่าย โดยที่ความเสียหายแตกต่างกันระหว่างคนสองเพศ

การวิจัยของมหาวิทยาลัยยูทาห์ สหรัฐฯ ที่นำเสนอต่อที่ประชุมอเมริกัน ไซโคโซเมติก โซไซตี้ พบว่าโรคหลอดเลือดในผู้หญิงเกี่ยวพันกับการแสดงความเป็นปฏิปักษ์กับคู่ครอง สำหรับผู้ชายเกี่ยวข้องกับการแสดงพฤติกรรมการควบคุม

นักวิจัยศึกษาจากคู่สมรส 150 คู่ โดยที่อย่างน้อยที่สุด คู่ครองฝ่ายหนึ่งมีอายุอยู่ในวัย 60-69 ปี และคนเหล่านี้ได้รับค่าตอบแทนจากการร่วมโครงการศึกษา นอกจากนั้น กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดยังไม่เคยรับการตรวจโรคหัวใจมาก่อน

ผู้ถูกสำรวจเหล่านี้จะถูกขอให้หยิบยกตัวอย่างประเด็นที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในชีวิตแต่งงาน เช่น เงิน ลูกๆ การไปเที่ยวพักผ่อน และงานบ้าน

จากนั้น นักวิจัยจึงทำการอัดวิดีโอขณะที่คู่ครองถกปัญหาดังกล่าวกัน และนำไปให้ให้นักศึกษาจิตวิทยาดูในเวอร์ชั่นไม่มีเสียง โดยระบุว่าเป็นกรณีตัวอย่างของสิ่งที่เกิดขึ้นภายในบ้าน และให้นักศึกษาจำแนกว่า การสนทนานั้นเป็นแบบฉันท์มิตรหรือศัตรู ยอมจำนนหรือเป็นต่อ

ตัวอย่างเช่น ประโยคว่า บางทีเธอก็โง่เหลือเกิน หรือ เธอมองอะไรเป็นลบตลอดเลย จะถูกจัดเป็นการสนทนาแบบปรปักษ์หรือเป็นต่อ

นอกจากนั้น นักวิจัยยังตรวจผู้ร่วมทดสอบเพื่อหาสัญญาณของโรค ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่า ภรรยาที่พูดจาแบบเป็นปฏิปักษ์ระหว่างการสนทนา มีปริมาณหินปูนสะสมที่ผนังหลอดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงหัวใจสูง โดยเฉพาะผู้หญิงที่พูดจาเป็นปรปักษ์หรือไม่เป็นมิตร ที่ตอบโต้กับสามีที่เป็นปฏิปักษ์หรือไม่เป็นมิตรเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม สามีที่มีพฤติกรรมควบคุมหรือเป็นต่อ หรือภรรยาที่มีพฤติกรรมแบบนี้ มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะมีอาการหลอดเลือดหัวใจแข็งตัว

ไม่มีผู้ใดในกลุ่มทดลองที่มีหินปูนสะสมถึงขั้นถูกระบุให้เข้ารับการรักษาโดยด่วน มีแต่ที่นักวิจัยเห็นควรให้ไปปรึกษาแพทย์

ความไม่ลงรอยเป็นข้อเท็จจริงที่ควรหลีกเลี่ยงในความสัมพันธ์ แต่วิธีการที่เราพูดระหว่างที่เกิดความไม่ลงรอย เป็นโอกาสที่เราจะได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ศาสตราจารย์ทอม สมิธ ผู้นำการวิจัยกล่าวและเสริมว่า คนเราเป็นโรคหัวใจเพราะสาเหตุหลายประการ ถ้ามีใครถามว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมจะทำได้เพื่อปกป้องสุขภาพหัวใจคืออะไร คำตอบแรกของผมคือ อย่าสูบบุหรี่ ออกกำลังกาย และกินอาหารที่มีประโยชน์

แต่บางทีอาจต้องเพิ่มเรื่องการใส่ใจในความสัมพันธ์ลงไปด้วย

เบลินดา ลินเดน หัวหน้าแผนกข้อมูลการแพทย์ของมูลนิธิหัวใจแห่งอังกฤษ สำทับว่า มีหลักฐานใหม่ที่น่าเชื่อถือว่า อารมณ์ เช่น ซึมเศร้า โกรธ เป็นปฏิปักษ์ และขัดแย้ง มีส่วนสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการเป็นโรคหัวใจ ผลการศึกษานี้เน้นที่ประเด็นว่า อารมณ์เหล่านี้ภายในชีวิตคู่อาจส่งผลต่อหัวใจและการไหลเวียนของโลหิตอย่างไร

เธอทิ้งท้ายว่า เรารู้ว่าความกดดัน เช่น ความโกรธ หรือความเป็นปรปักษ์ อาจทำให้ร่างกายหลั่งสารเคมีที่อาจเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคหัวใจ แต่เรายังจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้นว่า กระบวนการดังกล่าวส่งผลต่อหัวใจและการไหลเวียนของโลหิตอย่างไร