สิงห์อมควันอ่วมอีกบุหรี่นอกขึ้น12-15บ.

"ปรับราคาบุหรี่ขึ้นอ่วม"


สรรพสามิตประกาศขึ้นราคาขายปลีกบุหรี่ หลังผู้ประกอบการนำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศปรับราคาเพิ่มจากซองละ 7.76 บาท เป็น 8.98 บาท ส่งผลราคาขายปลีกในประเทศต้องปรับขึ้นอีกซองละ 12-15 บาท

นายวราเทพ รัตนากร รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อธิบดีกรมศุลกากร และนายอุทิศ ธรรมวาทิน อธิบดีกรมสรรพสามิต ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขปัญหาการแจ้งราคาบุหรี่นำเข้าต่ำกว่าความเป็นจริงว่า เมื่อวันที่ 15 กันยายน กรมสรรพสามิตได้ประกาศราคาขายปลีกบุหรี่ภายในประเทศใหม่ หลังจากที่กรมศุลกากรได้ปรับราคานำเข้าของผู้ประกอบการนำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากซองละ 7.76 บาท เป็น 8.98 บาท ทำให้ราคาขายปลีกในประเทศต้องปรับเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะบุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศจะปรับเพิ่มขึ้นอีกซองละ 12-15 บาท ซึ่งจะทำให้ราคานำเข้าหรือราคาซีไอเอฟปรับเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย เพราะปัจจุบันกรมศุลกากรได้คำนวณภาษีนำเข้าจากราคาหักทอนทอดแรก คาดว่าภายในสัปดาห์หน้ากรมศุลกากรจะสรุปรายละเอียดได้อีกครั้งว่า ราคานำเข้า หรือซีไอเอฟ จะปรับเพิ่มสูงขึ้นในอัตราเท่าใด


"ปรับเพิ่มไม่ได้เอื้อประโยชน์ใคร"


ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปหาข้อมูลเพิ่มจากต่างประเทศโดยร่วมมือกับกรมศุลกากรว่า มีหลักฐานข้อเท็จจริงใดสามารถชี้ชัดได้ว่ามีการแจ้งราคาเป็นเท็จหรือไม่ถูกต้องบ้าง รวมถึงเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ หรือไม่นั้น นายวราเทพ กล่าวว่า ยังไม่สามารถสรุปรายละเอียด ต้องรอดีเอสไอดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะพิจารณาได้ว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลังได้พยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาตามอำนาจที่จะสามารถทำได้อย่างดีที่สุดแล้ว และจะรายงานความคืบหน้าทั้งหมดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี รับทราบต่อไป

อย่างไรก็ตาม รักษาการ รมช.การคลัง ยืนยันว่า การปรับราคาขายปลีกบุหรี่ในประเทศเพิ่มขึ้นไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้นำเข้าบุหรี่ขายบุหรี่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะปัจจุบันราคาขายปลีกของบุหรี่ต่างประเทศต่ำกว่าราคาที่กรมสรรพสามิตประกาศอยู่แล้ว เนื่องจากต้องแข่งขันกับราคาบุหรี่ยี่ห้ออื่นๆ รวมทั้งไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นเพื่อต้องการจำนวนเงินภาษีเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด แต่ได้ปรับวิธีการเพื่อให้กระบวนการจัดเก็บภาษีถูกต้องและเป็นธรรมไม่รั่วไหลเท่านั้น ขณะเดียวกันการปรับราคาขึ้นครั้งนี้กลับส่งผลดีที่ทำให้ประชาชนลดการสูบบุหรี่ลงอีกทางหนึ่ง


"เงินภาษีเพิ่ม 800 ล้าน"


นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ กล่าวว่า ปัจจุบันการคำนวณราคาต้นทุนของบุหรี่นำเข้า กรมศุลกากรได้ใช้วิธีราคาหักทอนโดยคำนวณจากราคาขายทอดแรกหักด้วยค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามข้อตกลงว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (แกตต์) ตั้งแต่ปี 2543 ที่กำหนดให้ประเทศที่เป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ต้องทำตาม จึงทำให้การกำหนดราคาต้นทุนบุหรี่นำเข้าในปี 2543-2544 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8.98 บาทต่อซอง จากเดิมที่ผู้นำเข้าแจ้งราคาต้นทุนซองละ 7.76 บาท

ทำให้ได้เงินภาษีเพิ่มขึ้นอีก 800 ล้านบาท ซึ่งบริษัทนำเข้าได้วางเงินประกันเพิ่มเติมไปเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันบุหรี่ที่นำเข้าในปี 2545-2546 และปี 2547 จนถึงปัจจุบันนั้น กรมศุลกากรกำลังตรวจสอบราคาต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจเพราะต้องพิจารณาจากฐานะการเงิน งบดุล คาดว่าผลสรุปทั้งหมดจะแล้วเสร็จในต้นปีหน้าว่าราคานำเข้าที่แจ้งมานั้นถูกต้องหรือไม่

นายอุทิศ ธรรมวาทิน กล่าวว่า การนำเข้าบุหรี่ของผู้นำเข้าบุหรี่แต่ละประเทศ ต้องแจ้งมาที่กรมสรรพสามิตก่อนเพื่อซื้อแสตมป์บุหรี่ก่อนนำเข้ามาขายในประเทศ โดยกำหนดให้ผู้นำเข้าต้องประมาณราคาต้นทุนไว้ก่อน เนื่องจากกว่าจะนำเข้าบุหรี่ได้ต้องใช้เวลาถึง 6 เดือน ซึ่งอาจมีการปรับขึ้นราคาได้ จากนั้นเมื่อนำเข้ามาต้องแจ้งราคาต้นทุนที่แท้จริงต่อกรมศุลกากรเพื่อกำหนดอัตราภาษีต่อไป ทั้งนี้ การประกาศขึ้นราคาขายปลีกบุหรี่ใหม่ครั้งนี้เป็นการทำให้เกิดความเป็นธรรมและถูกต้องในการจัดเก็บภาษีเท่านั้น


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์