บุรีรัมย์ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ที่สถานธนานุบาล เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ มีประชาชนแห่จำนำทองคำรูปพรรณ และขอเพิ่มยอดเงินจำนำ หลังสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองได้ปรับกลยุทธ์เพื่อแข่งขันกับร้านค้าทอง โดยการปรับเพิ่มเพดานรับจำนำทองคำรูปพรรณจากบาทละ 10,000 บาท เป็นบาทละ 12,000 บาท ขณะที่ราคาทองได้ปรับพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงบาทละ 17,000 บาทแล้ว จนถึงขณะนี้มีประชาชนมาใช้บริการทั้งจำนำไถ่ถอนวันละ 500-600 ราย ใช้เงินหมุนเวียนในการจำนำไถ่ถอนเฉลี่ยวันละ 4-5 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่นำทองคำรูปพรรณมาจำนำ และขอเพิ่มยอดเงินจำนำมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงปกติจะมีประชาชนมาใช้บริการวันละ 200-300 ราย ใช้เงินในการจำนำไถ่ถอนวันละกว่า 2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ราคาทองจะปรับสูงขึ้น แต่ยังมีประชาชนมาไถ่ถอนเพื่อจะนำไปขายตามร้านทองน้อย เพราะเนื่องจากส่วนใหญ่จำนำไว้ในราคาสูงจึงยังไม่มีเงินมาไถ่ถอน
นายไพศาล โพธิ์มีศรี ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า
ได้เตรียมเงินสด 43 ล้าน และเงินทุนหมุนเวียนในสต๊อกอีกกว่า 135 ล้าน รวม 178 ล้าน ไว้รองรับบริการประชาชนที่จะใช้บริการ ขณะเดียวกันในช่วงเปิดภาคเรียนที่ใกล้จะถึงนี้ ทางสถานธนานุบาลได้เตรียมเงินสดกว่า 42 ล้าน และเงินทุนหมุนเวียนที่มีอยู่ในสต๊อกอีกกว่า 153 ล้าน รวมทั้งสิ้นกว่า 195 ล้าน ไว้รองรับบริการพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนที่จะนำสิ่งของมีค่ามาจำนำเพื่อนำเงินไปใช้จ่าย และซื้อเครื่องเขียน แบบเรียนให้กับบุตรหลานในช่วงเปิดเทอม
ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีพ่อแม่ผู้ปกครองมาใช้บริการมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ และขอเตือนประชาชนอย่าไปใช้บริการแหล่งเงินทุนนอกระบบ เพราะนอกจากจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงแล้ว ยังเสี่ยงต่อทรัพย์สินสูญหายอีกด้วย นอกจากนี้ ทางสถานธนานุบาลปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระ โดยเงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท จะคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 50 สตางค์ เงินต้น 5,000-30,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาท และเงินต้น 30,000 บาทขึ้นไป คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 บาท โดยจะเริ่ม 1 พ.ย.