เจ้าของเมโลดี้คาราโอเกะเข้าให้ปากคำตร.แล้ว
ยืนยันไม่ได้คิดค่าบริการลูกค้าแพงเกินเหตุ ระบุที่เขียนในบิลว่า 3 หมื่นบาท เป็นค่าสมัครสมาชิกที่ให้เด็กเสิร์ฟไปถามลูกค้าว่าจะสมัครหรือไม่ แต่ร.ต.ต.กลับโวยวายเสียก่อน ทั้งที่ความจริงค่าบริการแค่ 16,000 บาท ส่วนที่บอกว่าลูกอม 3 เม็ด 3 ร้อยบาทนั้น ไม่ใช่ 3 เม็ด แต่เป็น 3 จาน จานละ 15 เม็ด ราคา 100 บาท โผล่อีกรายเหยื่อเมโลดี้ เป็นช่างซ่อมรถ เข้าไปใช้บริการแค่ครึ่งชั่วโมงโดนไป 7 พันบาท
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 ต.ค. พล.ต.ท. พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ เดินทางมายังสน.ประชาชื่น เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณี ร.ต.ต.อัฏฐะพันธ์ ใจเที่ยง อายุ 42 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าแจ้งความที่สน.ประชา ชื่น ว่า ถูกร้านเมโลดี้คาราโอเกะย่านพงษ์เพชร ถนนงามวงศ์วาน เขตหลักสี่ กทม. เรียกเก็บค่าบริการแพงเกินเหตุ คิดเงินถึง 3 หมื่นบาท
โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่เรียก นายประเสริฐ น้อยนิล อายุ 32 ปี เจ้าของร้าน
พร้อมนายพิเชษฐ์ ทวีลาภ อายุ 34 ปี ผู้จัดการร้าน มาให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และจะทำหนังสือเรียกพนักงานร้านคือนายธนากร ไปป่า อายุ 27 ปี นายอำไพ นามนัย อายุ 22 ปี และมาม่าซังคือ น.ส.รัชนี ดัสดีทอง อายุ 25 ปี มารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ต่อไป
จากนั้น พล.ต.ท.พงศพัศ ทำหน้าที่สอบปากคำนายประเสริฐด้วยตัวเอง โดยสอบถามนายประเสริฐ ว่า
เหตุใดราคาค่าอาหารถึงได้แพงขนาดนั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ราคาสามหมื่นบาทนั้นเป็นราคาที่ตนชักชวนลูกค้าเปิดเมมเบอร์ (สมาชิก) เพราะทางร้านจะให้เด็กๆ ในร้านไปนำเสนอลูกค้าว่า ทางร้านมีการเปิดเมมเบอร์ราคา 10,000-20,000 บาท มีโปรโมชั่นต่างๆ ให้ แต่ลูกค้าเมื่อเห็นบิลก็โวยวายทันทีว่าทำไมแพงจัง จึงได้อธิบายให้ลูกค้าได้เข้าใจ จนมาจบกันที่ราคา 16,000 บาท
เมื่อถามว่า บิลที่เขียนว่าลูกอม 3 เม็ด 300 บาทนั้น ราคาของทางร้านตั้งเอาไว้ใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า
ลูกอมจริงๆ แล้วทางร้านไม่ได้ลงจำนวน 3 เม็ด แต่เป็น 3 จาน จานละ 15 เม็ด ราคาจานละ 100 บาท นอกจากนี้ จะมีสาวๆ นั่งดริงก์ ชั่วโมงละ 400 บาท ครึ่งชั่วโมง 200 บาท และที่ลูกค้าบอกว่ามีนักเลงเข้ามาใช้กำลังนั้น ยืนยันว่าไม่มี เพราะได้สั่งพนักงานร้านทุกคนว่าอย่าแตะต้องตัวลูกค้าเด็ดขาด
ส่วนกรณีที่ทางร้านไม่มีใบอนุญาตเปิดร้านให้บริการนั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า
ทางร้านอยู่ระหว่างเดินเรื่องเพื่อขออนุญาตเปิดเป็นสถานบริการ แต่มีความล่าช้า เมื่อถามต่อว่าช้าในเรื่องใด นายประเสริฐไม่ยอมตอบ พร้อมกล่าวต่อว่า ร้านเปิดให้บริการมาแล้วประมาณ 5 เดือน โดยได้ทำสัญญาเช่าตึกไว้กับทางเจ้าอาคาร ในวันนี้ต้องปิดกิจการลง เพราะเจ้าของอาคารยกเลิก สัญญา โดยแจ้งว่าเราทำผิดสัญญา ทำให้เสียชื่อเสียงในการเช่าอาคารประกอบกิจการ
ต่อมา เวลา 14.30 น. พล.ต.ท.พงศพัศนำสื่อมวลชนเข้าตรวจร้านเมโลดี้ คาราโอเกะ เป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 2 คูหา ประตูหน้าร้านมีเอกสารของฝ่ายอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักงานเขตหลักสี่ กทม. ปิดไว้ เพื่อให้หยุดประกอบกิจการ จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากทางสำนักงานเขต ลงวันที่ 21 ต.ค. 52 จากนั้นได้เข้าไปด้านในร้าน พบเป็นพื้นที่โล่ง มีโซฟาที่ยังขนไปไม่หมดอีก 2 ชุด ตู้ปลา 1 ตู้ หลังจากนั้นได้ขึ้นไปบนชั้น 3 ห้องวีไอพี 3 ซึ่งเป็นห้องที่เกิดเหตุ ห้องมีขนาด 4 คูณ 4 เมตร ภายในห้องขนย้ายอุปกรณ์ต่างๆ และโซฟาออกไปหมดแล้ว
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนถึงเหตุการณ์ในทำนองนี้มาหลายราย ไม่ใช่รายนี้เพียงรายเดียว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้กำชับให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินคดีอย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา สำหรับตำรวจในพื้นที่ที่ปล่อยปละละเลยก็ต้องตรวจสอบกันไป สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจบริการทั้งหลาย จะต้องรู้ว่าการกำหนดราคาสินค้าจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ให้ทำความเข้าใจกฎหมายฉบับนี้ด้วย จะได้ไม่เป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบ ตำรวจจะทำทุกอย่างตรงไปตรงมา จะดำเนินคดีถึงที่สุดทุกข้อกล่าวหา
"ขอฝากประชาชนที่เข้าไปใช้บริการในสถานให้ความสำราญ ว่า หากพบว่าราคาค่าบริการแพงมากไป และเรามีเงินอยู่ในกระเป๋าอยู่แล้ว ให้พูดคุยกับผู้จัดการร้าน หรือเจ้าของร้านก่อน ยืนยันว่ามีเงินจ่ายจริง ไม่ใช่ว่ากินกุ้งไป 2 ตัว ราคา 1,400 บาท ก็เกินไป ราคาไม่เป็นธรรม ขูดรีดเอาเปรียบกัน หากตกลงไม่ได้ ให้พากันไปที่สถานีตำรวจเพื่อตกลงราคากัน หากสงสัยว่าตนเองถูกเอาเปรียบ สามารถแจ้งได้ที่ ตู้ป.ณ.1234 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทันที" พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าว
วันเดียวกัน นายดอน มะลิศร อายุ 29 ปี ช่างเครื่องยนต์อู่ซ่อมรถไม่มีชื่อ ย่านพงษ์เพชร เข้าร้องกับผู้สื่อข่าวว่า
เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ตนพร้อมเพื่อนๆ รวม 4 คน เข้าไปใช้บริการที่ร้านเมโลดี้คาราโอเกะ เวลา 21.30 น. โดยห้องเล็กชั้น 3 สั่งสุรา 1 ขวด น้ำอัดลม 2 ขวด น้ำแข้งแห้ง ลูกอม 4 เม็ด โซดา 4 ขวด แต่ตนกินเหล้าไปได้ 3-4 แก้ว ก็ต้องรีบกลับก่อน แต่เพื่อนๆ ยังนั่งดื่มกันอยู่
นายดอนกล่าวว่า
หลังจากตนออกมา เวลาประมาณ 22.00 น. ก็มีโทรศัพท์จากเพื่อนๆ ที่นั่งกินกันอยู่บอกให้นำเงินมาให้ด้วยเงินไม่พอจ่ายค่าอาหาร จึงสอบถามกลับไปว่านั่งไปครึ่งชั่วโมงทางร้านเรียกเก็บเงินแล้วหรือ เพื่อนบอกว่าทางร้านเรียกแล้วเป็นเงิน 7,000 บาท แต่เพื่อนๆ มีเพียง 3,000 บาท และมีชายฉกรรจ์ 3-4 คน เดินเข้ามาในห้องแล้วไม่ยอมให้ออกไปไหน เพื่อนทุกคนตกใจมาก ตนจึงรีบขับรถจักรยานยนต์ของเถ้าแก่ไปที่ร้าน ไปพูดคุยเจรจาต่อรอง แต่ทางร้านไม่ยอมลดราคา ก่อนยึดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮารุ่นมีโอของเถ้าแก่ไป จากนั้นในวันรุ่งขึ้นเถ้าแก่เข้าไปเจรจาต่อรอง เพื่อนำรถออกมา ทางร้านก็ไม่ยอม ต้องจ่ายเงินทั้งหมด 7,000 บาท ถึงได้รถกลับมา