เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 21 ต.ค. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานบริหาร ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานพิจารณาต่อใบอนุญาตสถานบริการต่างๆ กล่าวถึงกรณีผู้ใช้บริการร้านเมโลดี้ คาราโอเกะ ท้องที่ สน.ประชาชื่น ถูกคิดค่าบริการแพงมหาโหด ว่า ในกรณีที่ลูกค้าผู้เข้าไปใช้บริการเจอร้านคิดค่าบริการสูงเกินกว่าปกติทั่วไปจะต้องแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เกิดเหตุ ถ้าร้านนั้นเป็นสถานบริการที่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.สถานบริการ เราก็สามารถใช้กฎระเบียบของ พ.ร.บ.สถานบริการเข้าไปบังคับใช้ได้เลย ถ้ามีการแจ้งความดำเนินคดี เรามีมาตรการลงโทษด้วยการพักใช้ใบอนุญาต แต่ถ้าเป็นสถานประกอบการที่เลี่ยงไม่จดทะเบียนเป็นสถานบริการ บช.น.เราก็มีคำสั่งให้ท้องที่เข้มงวดกวดขันจับกุม ไม่ว่าเรื่องการเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต เปิดเกินเวลา
ที่ผ่านมาเราพบว่ามีหลายแห่งหลีกเลี่ยง โดยวิธีการต่างๆ เช่น เคยมีใบอนุญาตฯ แล้วยกเลิกไม่ใช้ใบอนุญาตสถานบริการ มาเปิดขายทั่วไป อ้างว่าปิดเที่ยงคืนเป็นลักษณะร้านอาหารธรรมดาได้ โดยไม่ต้องเสียอะไร ถ้าขายเหล้าเบียร์ก็เพียงแค่เสียค่าสรรพสามิตรจำหน่ายบุหรี่- สุรา ผู้ประกอบการเลี่ยงบาลีหนีออกจาก พ.ร.บ.สถานบริการ ซึ่งมีมาตรการที่ยุ่งยากมากกว่า ดังนั้นประชาชนผู้ที่จะไปใช้บริการร้านในลักษณะดังกล่าว ก่อนเข้าไปควรต้องสังเกตดูว่า ร้านนั้นได้จดเป็นสถานบริการหรือไม่
สำหรับร้านเมโลดี้ ตนได้สั่งให้ สน.ประชาชื่นตรวจสอบแล้วรายงานขึ้นมาให้ทราบว่าขออนุญาตเปิดเป็นสถานบริการตาม พ.ร.บ.สถานบริการหรือไม่ เท่าที่รับรายงาน ทราบว่าร้านดังกล่าวไม่ได้ขอเป็นสถานบริการตาม พ.ร.บ.
ร้านต่างๆ ที่เปิดโดยไม่ขออนุญาตฯ ใน กทม.มีมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านคาราโอเกะริมถนน ปัญหาคือการก่อความเดือดร้อนรำคาญ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ปล่อยปละละเลย เพียงแต่การบังคับตามกฎหมายสถานบริการใช้บังคับร้านเหล่านี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ละเลยใช้วิธีการปรามด้วยการตรวจสอบด้านอื่นแทน เช่น กวดขันในเรื่องการจำหน่ายสุรา เวลาปิดร้านต้องไม่เกิน 24 นาฬิกา แต่ร้านลักษณะนี้เมื่อถูกดำเนินคดีวันนี้ พอวันพรุ่งนี้เขาก็เปิดได้ ไม่สามารถลงโทษหรือใช้มาตรการด้านปกครอง พักใช้ใบอนุญาตได้ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ ที่มีกำหนดปิด 60 วันได้ เป็นต้น