ยอดใช้เอ็นจีวีพุ่งแตะเกือบ 4,000 ตัน/วันแล้ว

กรุงเทพฯ 7 ต.ค. – ยอดใช้เอ็นจีวีเริ่มแตะใกล้ 4,000 ตันแล้ว โดยมียอดติดตั้ง 100 คัน/วัน เหตุราคาน้ำมันพุ่ง ด้านกรมธุรกิจพลังงานยอมรับปั๊มต่างจังหวัดผสมน้ำมันเองหวังได้ส่วนต่างราคา

นายปุณณชัย ฟูตระกูล ผู้จัดการฝ่ายตลาดก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์  กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า 

ล่าสุดมีรถติดตั้งเอ็นจีวีรวม 155,000 คัน ยอดใช้ขยับเพิ่มขึ้นมาถึงระดับ 3,900 ตัน/วัน  และยอดการติดตั้งได้เพิ่มขึ้นมาถึงระดับ 100 คัน/วันแล้ว  จากที่ยอดติดตั้งในช่วงราคาน้ำมันถูก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บางช่วงเหลือเพียง  20 คัน/วันเท่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วยอดรถที่ติดตั้งเป็นรถโดยสารขนาดใหญ่  รถบรรทุก ในขณะที่รถบ้านก็จะเป็นรถป้ายแดงที่ความนิยมใช้เอ็นจีวีขยับขึ้น 


อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้  ปตท.ยังไม่ได้ขยับเป้าหมายยอดขายเอ็นจีวีตากแผนปัจจุบัน แม้ว่า ครม.จะเห็นชอบไปแล้วทั้งเรื่องการเปลี่ยนแท็กซี่แอลพีจี เป็นเอ็นจีวี  30,000  คัน

ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นใน 9 เดือนข้างหน้า และโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันที่มีเป้าหมายจะเช่าเสร็จสิ้นภายใน 2  ปี ซึ่งในกรณีแท็กซี่หากเปลี่ยนได้ทั้งหมด  ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเตรียมการบริการเท่าใดนักเพราะแต่ละคันใช้เอ็นจีวีต่อวัน  20 กิโลกรัม แต่ที่อาจมีปัญหาหากเตรียมการไม่พร้อม คือ   รถเมล์ที่จะต้องใช้เอ็นจีวี/คันประมาณ 100 กิโลกรัม ดังนั้น ปตท.จึงแจ้งไปที่  ขสมก.แล้วว่าให้เร่งส่งมอบพื้นที่สร้างปั๊มเอ็นจีวี 14 แห่งโดยเร็ว  แต่หากในช่วงแรกหาก ขสมก.ทยอยเช่ารถเมล์  ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าให้ไปใช้ปั๊มในซูเปอร์สเตชั่นที่ในขณะนี้สร้างเสร็จบ้างแล้ว เช่น สายใต้ใหม่ เป็นต้น 


ปัจจุบัน ปตท.มี "ซูเปอร์สเตชั่น" ให้บริการแล้ว 4 แห่ง คือ 

ถนนกาญจนาภิเษก  ถนนร่มเกล้า   ถนนพหลโยธินขาเข้า  และถนนพหลโยธินขาออก  สามารถรองรับรถยนต์เข้ารับบริการได้มากกว่า 5,000 คันต่อวัน  จ่ายก๊าซเอ็นจีวีได้สูงสุด 230 ตันต่อวัน จำนวน 44 หัวจ่าย  โดยสถานีดังกล่าวตั้งอยู่บนแนวท่อขนส่ง จึงสามารถช่วยลดปัญหาเรื่องก๊าซหมด  หรือไม่เพียงพอสำหรับให้บริการลูกค้าและ ปตท.เตรียมขยายอีก 2 จุด ได้แก่ คือ ย่านพระราม 9 และกำแพงเพชร 2 


ด้านกรมธุรกิจพลังงาน ระบุว่าจากการตรวจสอบคุณภาพน้ำามันเชื้อเพลิงที่จ้าหน่ายสู่ผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ

พบปั๊มน้ำมันในหลายพื้นที่มีการนำน้ำมันแก๊สโซฮอล์มาปลอมปนในน้ำมันเบนซิน 91 และน้ำมันดีเซลบี 5 มาปลอมปนในน้ำมันดีเซลธรรมดา  ซึ่งมีราคาแพงกว่าเพื่อจำหน่ายโดยหวังผลกำไร  อันเป็นการเอาเปรียบผู้ใช้น้ำมันและมีผลเสียต่อรัฐที่ต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและต้องจ่ายเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมัน  ซึ่งผู้กระทำการทุจริตดังกล่าวมีความผิดฐานจำหน่ายน้ำมันคุณภาพต่ำ  สำหรับปั๊มน้ำมันที่สุจริตขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการซื้อน้ำมันและตรวจสอบความถูกต้องของน้ำมันอย่างเคร่งครัด  โดยการตรวจสอบใบกำกับสินค้าว่าเป็นน้ำมันชนิดใด และใครเป็นผู้ขนส่งน้ำมัน  โดยบันทึกรายละเอียดรถขนส่งน้ำมัน ผู้ขับรถขนส่งไว้ด้วย


หากประชาชนผู้บริโภคพบเห็นผู้ค้ารายใดจ้าหน่ายน้้ามันเชื้อเพลิงไม่ได้คุณภาพสามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียนได้ที่ส้านักงานพลังงานจังหวัดหรือกรมธุรกิจพลังงาน  สำนักคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง

โทร. 0 2547 4324-25 สาหรับโทษตามกฎหมาย  ได้แก่ โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีปลอมปนน้ำมัน โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี  หรือปรับไม่เกิน  300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ. -สำนักข่าวไทย


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์