เป็นคดีเขย่าขวัญกลางกรุง เมื่อเกิดเหตุคนร้ายฉุดสาวจากป้ายรถเมล์ลากตัวเธอไป ข่มขืนในป่าริมถนน แต่เหยื่อขัดขืนต่อสู้เลยถูกไอ้หื่นบีบคอตาย
ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกลางกรุงแบบนี้!!
น.ส.ศศิประภา หรือ "ติ๊ก" วิงวอน อายุ 30 ปี คือเหยื่อสาวผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ ในวันเกิดเหตุ "ติ๊ก" กำลังจะออกไปทำงานพอดี เธอจึงไปรอขึ้นรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอย ตอนเช้ามืด แต่ด้วยเพราะความโชคร้าย เธอจึงไปเจอกับคนร้ายที่เข้ามาทำทีขอเงิน ก่อนที่มันจะลากตัวเธอไปในป่าทึบแล้วพยายามข่มขืน
แต่ "ติ๊ก" ฮึดสู้เลยถูกฆ่ากลายเป็นศพ
คดีนี้ตำรวจจับกุมคนร้ายเอาไว้ได้ทันใจ หลังจากที่มันหลบหนีไปได้ไม่ไกล ไปแอบซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านใกล้ๆ ในสภาพเมามาย จึงนำตัวมาดำเนินคดี
เหตุการณ์ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงจุดล่อแหลมหลายจุดในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นบ้านร้าง มุมเปลี่ยว ป่าหญ้ารกชัฏ ไปจนถึงตามป้ายรถเมล์ที่มีผู้คนไปยืนรอรถ ทั้งตอนเช้ามืดและกลางดึก ที่สุดแสนจะอันตรายอีกหลายที่
เหล่านี้ล้วนสุ่มเสี่ยงกับการเกิดเหตุร้ายทั้งสิ้น
ศพของ "ติ๊ก" ถูกพบในตอนสาย วันที่ 1 ต.ค. ตำรวจสน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีหญิงถูกข่มขืนฆ่า หลังป้ายรถประจำทางฝั่งตรงข้ามวัดศรีบุญเรือง ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ร.ต.อ.สมเจตน์ พล เหลา ร้อยเวรฯ จึงรายงาน พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ด มณี พ.ต.อ.มันฑาร อภัยวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.อ. ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.บก. น.4 รุดไปตรวจสอบ
เขย่าขวัญสาวกรุง!?! ฆ่าข่มขืนป้ายรถเมล์ ขี้เมาหื่นหนีไม่รอด
จุดเกิดเหตุอยู่ในพงหญ้า ห่างจากป้ายรถเมล์ไปประมาณ 20 เมตร พบศพของ "ติ๊ก" ซึ่งบ้านเดิมอยู่เลขที่ 5 หมู่ 6 ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ถูกฆ่าตายในสภาพสวมเสื้อยืดสีขาว ท่อนล่างเปลือย นอนจมอยู่ในหนองน้ำ ที่บริเวณลำคอมีรอยเขียวช้ำจากถูกบีบ เบ้าตาซ้ายเขียวช้ำ ใกล้กันพบกระโปรงยาวสีครีม กางเกงใน ร่มกันฝน และรองเท้าส้นสูงสีชมพูของผู้ตายตกอยู่ หลังป้ายรถประจำทางประมาณ 5 เมตร
ในที่เกิดเหตุตำรวจพบนายสมชาย สืบเทพ พยานที่เห็นเหตุการณ์และได้ต่อสู้กับคนร้าย ละล่ำละลักให้การด้วยความตกใจ บอกว่าก่อนหน้านี้ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากภายในป่าหลังป้ายรถเมล์ จึงเข้าไปดูก็พบผู้ตายนอนจมแอ่งน้ำอยู่ และได้เผชิญหน้ากับคนร้ายตัวต่อตัว คนร้ายพยายามต่อสู้ จึงคว้าจอบไล่ตีจนไอ้หื่นวิ่งเตลิดหนีเข้าไปในป่า
ตำรวจจึงปิดล้อมที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ใช้เวลาค้นหาอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งไปพบตัว นายสุวิทย์ บุญไพโรจน์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 6 ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นคนร้าย นอนถอดเสื้อแอบอยู่ที่ริมระเบียงในหมู่บ้านภัคภิรมย์ ใกล้ที่เกิดเหตุ มีบาดแผลและรอยขีดข่วนทั่วร่างกาย
ตำรวจจึงนำตัวมาสอบปากคำ
เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่า
ตำรวจจับคนร้ายได้ พักเดียวก็มีชาวบ้านเกือบ 300 คน มารุมล้อมที่เกิดเหตุไว้ พยายามจะเข้ารุมประชาทัณฑ์ด้วยความโกรธแค้น จนเจ้าหน้าที่ต้องพาตัวนายสุวิทย์ ไปที่สน.หัวหมากเพื่อสอบสวน ต่อไป
ไอ้หื่นให้การว่า
มีอาชีพเป็นลูกจ้างอยู่คลังสินค้าของห้างแห่งหนึ่ง สาขาสุขาภิบาล 3 แต่เพิ่งถูกไล่ออกจากงาน ก่อนเกิดเหตุดื่มเหล้าจนเมาและเดินผ่านป้ายรถประจำทาง พบเหยื่อนั่งอยู่คนเดียว จึงเข้าไปขอเงิน เพราะไม่มีเงินและอยากได้ค่ารถเพื่อเดินทางไปหาแฟนที่ย่านรัชดาฯ แต่คนตายไม่ให้พร้อมร้องเสียงดัง จึงลากเข้าไปในป่าด้านหลังป้ายรถประจำทาง ที่มีสังกะสีปิดบังอยู่
นอกจากนี้ คนร้ายยังอ้างอีกว่า ตอนแรกอยากได้เพียงเงินเท่านั้น ช่วงที่ผู้ตายร้องเสียงดังเพื่อขอความช่วยเหลือ จึงบีบคอจนแน่นิ่งไป จากนั้นถอดกระโปรงและกางเกงในออกเพื่อจะขืนใจ แต่ยังไม่ทันลงมือเพราะมีชาวบ้านมาพบเสียก่อน จึงหลบหนีไปโดยได้เงินไปเพียง 120 บาทเท่านั้น
ตำรวจแจ้งข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามข่มขืนกระทำชำเราทันที
หลังเกิดเหตุร้ายครั้งนี้ นายสุทัศน์ ฟ้องเสียง อายุ 31 ปี แฟนหนุ่มผู้ตาย เดินทางมาดูศพถึงกับร่ำไห้เข่าอ่อน ให้การว่า ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ตนเองกับแฟนสาวทำงานที่เดียวกัน แต่ทำคนละผลัดและพักอยู่ด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุโทร.มาหาแฟนตอนเธอออกไปทำงาน ตอนนั้นนึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง จึงรีบกลับห้องพักเพื่อจะได้ไปส่งเธอขึ้นรถเมล์ แต่กลับไปไม่ทัน หลังจากนั้นก็พยายามติดต่อ แต่ก็ติดต่อไม่ได้จึงออกติดตาม
เจออีกทีเธอก็ถูกฆ่าเสียแล้ว
"ปกติหากไม่ได้เข้าเวรช่วงกลางคืน ผมจะเดินไปส่งแฟนที่ป้ายรถเมล์ทุกครั้ง เพราะตรงนั้นเป็นที่เปลี่ยว ผมเสียใจจนทำอะไรไม่ถูก เสียใจมาก และที่สำคัญ เรามีโครงการจะแต่งงานกันในเร็วๆ นี้ แต่ทุกอย่างก็ต้องมาพังทลายจนได้" นายสุทัศน์ กล่าวทั้งน้ำตา
เย็นวันเดียวกัน ตำรวจเกือบ 100 นาย ได้คุมตัวนายสุวิทย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ ท่ามกลางบรรดาญาติๆ ของผู้ตายและไทยมุงอีกกว่าครึ่งพัน
การทำแผนเริ่มจากจุดแรกบริเวณป้ายรถเมล์ที่นายสุวิทย์ เข้าไปขอเงินผู้ตาย จุดที่สองเป็นบริเวณป่าหญ้าด้านหลังป้ายรถเมล์ ซึ่งเป็นจุดที่ลากผู้ตายเข้าไปบีบคอและจับกดน้ำจนเสียชีวิต ก่อนจะถอดกระโปรงเพื่อลงมือข่มขืน แต่มีชาวบ้านมาเห็นเสียก่อน และจุดสุดท้าย คือ ริมสระน้ำภายในหมู่บ้านภัคภิรมย์ ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ ที่นายสุวิทย์เข้าไปหลบซ่อนก่อนถูกจับกุม ซึ่งการทำแผนเป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะมีไทยมุงจำนวนมากพยายามฝ่าวงล้อมตำรวจเข้าไปรุมประชา ทัณฑ์
จนตำรวจต้องรีบพาคนร้ายกลับโรงพัก
การจากไปของน.ส.ศศิประภา สร้างความเศร้าเสียใจให้คนในครอบครัวยิ่งนัก ถึงขนาดที่คนเป็นพ่อแม่ไม่ยอมอโหสิกรรมให้กับคนร้าย เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเหตุเกิดขึ้นกลางเมืองหลวง ตรงป้ายรถเมล์ที่มีคนใช้บริการทั่วไป ซึ่งนอกจากนี้ จุดล่อแหลมจุดเปลี่ยวต่างๆ ในกรุงเทพฯ ก็มีให้เห็นอยู่อีกมากมาย
หากไม่รีบป้องกันแก้ไข
ระวังจะเกิดเหตุร้ายซ้ำสอง!!?