ม็อบชุดชั้นในบุกทำเนียบร้องแม้วช่วย

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ดวงใจ เมืองทอง ประธานสหภาพแรงงานจิน่าสัมพันธ์ พร้อมสมาชิกสหภาพแรงงานฯ ประมาณ 200 คน เดินทางมายื่นหนังสือถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน กรณีบริษัท จิน่าฟอร์มบรา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทตัดเย็บชุดชั้นในเพื่อการส่งออก ยี่ห้อวิกตอเรีย ซีเครต คาลวิน ไคลน์ และอื่นๆ

และเป็นบรรษัทข้ามชาติที่มาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ประกาศปิดกิจการในประเทศไทยอย่างถาวรเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2537 โดยย้ายไปดำเนินกิจการในประเทศจีน และกัมพูชา

น.ส.ดวงใจ กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น ทางสหภาพฯ เรียกร้องให้นายกฯ ลงมาแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เนื่องจากที่ผ่านมาทางสหภาพฯ เคยร้องเรียนไปยังรมว.แรงงานแล้ว แต่ไม่ได้รับความชัดเจนใดๆ จึงขอให้นายกฯ มีคำสั่งดังนี้ 1.ให้สอบสวนข้อเท็จจริงว่าบริษัทจิน่าฟอร์ม บรา จำกัด ย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทยจริงหรือไม่ หรือเป็นการปิดโรงงานเพื่อทำลายสหภาพฯ เท่านั้น 2.สั่งการให้บริษัทวางเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานไว้ที่กระทรวงแรงงาน

หรือศาลแรงงานกลาง เพื่อเป็นหลักประกันว่าเมื่อบริษัทปิดกิจการแล้ว ลูกจ้างทุกคนจะได้รับค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นเงิน 76 ล้านบาท 3.ระหว่างนี้ ขอให้สั่งการห้ามขนย้ายเครื่องจักรออกจากบริเวณโรงงานเด็ดขาด 4.ให้มีการจัดตั้งกองทุนเงินสำหรับการเลิกจ้าง และ5.ให้มีการบูรณาการกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลิกจ้างของพนักงานให้มีขั้นตอนที่รวดเร็วและทำงานเชิงรุกเพื่อเป็นหลักประกันสำหรับลูกจ้างในอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานหญิงของบริษัทจิน่าฟอร์ม บรา กว่า 200 คนเดินเท้าจากหน้านำเนียบรัฐบาลฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ มายังหน้าทำเนียบฯ ฝั่งตรงข้ามสำนักงานก.พ. โดยปิดช่องทางจราจรบริเวณหน้าทำเนียบฯ 1 ช่องทาง โดยนำชุดชั้นในมาผูกติดกันเป็นแนวยาวและติดป้ายผ้าเรียกร้องให้นายกฯ มาแก้ปัญหา

โดยตำรวจสันติบาลที่รักษาความปลอดภัยสั่งการให้ปิดประตูด้านถนนพิษณุโลกทุกประตู และห้ามบุคคลทุกประเภทเข้าออกโดยเด็ดขาด ทำให้เกิดเหตุชุลมุน เนื่องจากตรงกับเวลาพักเที่ยง ทำให้ข้าราชการในทำเนียบที่จะออกไปทำธุระไม่สามารถออกจากทำเนียบได้ โดยต้องเดินอ้อมไปออกที่ประตูตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการแทน

ด้านนายอิทธิพล แผ่นเงิน ผอ.กลุ่มงานประสานข้อพิพาทแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ที่เดินทางมาเจรจากับตัวแทนสหภาพฯ กล่าวว่า เคยได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีดังกล่าว ซึ่งประสานไปยังบริษัทแม่แล้ว ทราบว่าทางบริษัทจะปิดฐานการผลิตในประเทศไทยในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ซึ่งประกาศให้พนักงานทั้งหมดทราบแล้ว แต่ทางสหภาพฯ เกิดความไม่มั่นใจว่าจะได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายหรือไม่

เพราะมีการทยอยย้ายเครื่องจักรออกจากประเทศไทยแล้ว จึงต้องการให้บริษัทนำเงินที่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่พนักงานทั้งหมด 76 ล้านบาทมาวางประกันไว้ก่อน ช่วงนี้กระทรวงแรงงานประสานไปยังบริษัทเพื่อให้ทำความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกจ้างทุกคน โดยกระทรวงแรงงานพร้อมจะเป็นตัวกลางในการทำความเข้าใจครั้งนี้

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด