กมธ.การศึกษาวุฒิฯ ระดมความเห็นจากหลายฝ่ายเพื่อผลักดันให้รัฐออกประกาศห้ามจำหน่ายเหล้าปั่นในสถานที่ต่าง ๆ ยกเว้นสถานบันเทิง เผยผลวิจัยวัยรุ่นไทยดื่มแอลกอฮอล์สูงเมื่อเทียบกับเด็กในต่างประเทศ พบวัยรุ่นชายดื่มเฉลี่ย 367 ขวดต่อปี
นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาวุฒิสภา เป็นประธานการเสวนา “จากเหล้ารอบสถานศึกษา ถึงปัญหาเหล้าปั่น...มาตรการแก้ไขที่ยั่งยืน” มีผู้ร่วมเสวนาจากสถาบันการศึกษา นักวิชาการ นักศึกษาและผู้ปกครอง พร้อมกล่าวว่า จะนำผลที่ได้จากการเสวนาครั้งนี้ ไปประกอบเพื่อผลักดันให้ออกเป็นประกาศระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีต่อไป เนื่องจากขณะนี้ มีเพียงออกเป็นร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดวิธีการหรือลักษณะในการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2550 เท่านั้น
ทางด้านนายสุริยา ปันจอร์ โฆษก กมธ.การศึกษาฯ กล่าวเสนอแนะว่าอาจจะเพิ่มรายละเอียดจากร่างประกาศเดิม เช่น ออกข้อห้ามจำหน่ายเหล้าปั่นเลย ยกเว้นสถานบันเทิงเท่านั้น เป็นต้น
นพ.ทักษพล ธรรมรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา เสนอว่า มีการสำรวจการดื่มสุราของเยาวชนไทย เมื่อปี 2550 ว่า เด็กไทยดื่มแอลกอฮอล์ต่อปีสูงหากเทียบกับเด็กในบางประเทศ ผู้ชายดื่มมากกว่าผู้หญิงสถานที่นิยมดื่มมากสุดคือที่สวนหรือไร่นา รองลงมาคือหอพัก ส่วนสถานบันเทิงเป็นแหล่งต่อไป แต่เป็นกลุ่มคนที่มีอายุมากขึ้น
ส่วนค่าเฉลี่ยวัยรุ่นชายเมา 10 ครั้งต่อปี วัยรุ่นหญิง 4 ครั้งต่อปี วัยรุ่นชายดื่มรวม 367 ขวดต่อปี วัยรุ่นหญิงปีละ 92 ขวด ดังนั้น ควรเร่งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
ด้าน น.ส.จิราภรณ์ กมลรังสรรค์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์ และเป็นผู้ที่นำคลิปเยาวชนดื่มเหล้าปั่นมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน ยอมรับว่าผู้ค้าใช้โฆษณาชวนเชื่อว่าดื่มเหล้าปั่นแล้วผิวพรรณดี ช่วยลดความอ้วน เพื่อให้สุขภาพดี ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลเท็จ เพื่อหวังขายแอลกอฮอล์ให้เยาวชน
จากการสำรวจเหล้าปั่นจำหน่ายแก้วละ 45 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกมาก น.ส.จิราภรณ์ ยืนยันพร้อมสนับสนุนการจัดโซนนิ่งสถานบันเทิง ลดพฤติกรรมการดื่มเหล้าพร่ำเพรื่อได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าในต่างประเทศประสบปัญหาเช่นเดียวกัน แต่เครื่องดื่มต่างประเทศ เรียกว่า Alcohol pop หรือสุราหน้าเด็ก