เมื่อ 13 ก.ย. เอเอฟพีรายงานชะตากรรมของเด็กหญิงในสองประเทศที่ตกเป็นเหยื่อครอบครัวเช่นเดียวกัน
โดยรายแรกเป็นเด็กสาวอายุ 13 ปี ในบังกลาเทศถูกพ่อขายใช้หนี้ให้ไปแต่งงานกับชายอายุถึง 75 ปี ส่วนอีกรายเป็นเด็กสาวชาวเยเมนวัย 12 ปี เสียชีวิตในการคลอดบุตรหลังจากถูกบังคับให้แต่งงาน
กรณีเด็กสาวเยเมน เปิดโปงเรื่องราวโดยองค์กรเยเมนเพื่อคุ้มครองเด็ก หรือเซยาจ ระบุว่า เด็กสาววัย 12 ปี
ชื่อ ด.ญ.ฟอว์ซิยา อับดุลเลาะห์ ยุสเซฟ เกิดในครอบครัวยากจน พ่อป่วยเป็นโรคไต เด็กหญิงต้องออกจากโรงเรียนเพื่อไปแต่งงานตั้งแต่อายุ 11 ขวบ และตั้งครรภ์ในปีต่อมา เด็กเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ระหว่างการคลอดบุตร ส่วนทารกเสียชีวิตเช่นกัน แพทย์แจ้งว่า ไม่อาจช่วยชีวิตไว้ได้ เพราะเด็กหญิงมีอาการแทรกซ้อนมากมายเนื่องมาจากการคลอดบุตร
องค์กรเซยาจกล่าวว่า กฎหมายของเยเมนไม่มีบทบัญญัติการกำหนดอายุในการแต่งงาน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจึงห้ามการแต่งงานของเยาวชนอายุยังน้อยไม่ได้
โดยเฉพาะกับเด็กผู้หญิง แม้แต่การลงโทษพ่อแม่ หรือคู่สมรสของเด็กในเหตุการณ์ร้ายแรงของการแต่งงานลักษณะนี้ ก็ทำไม่ได้ ส่วนกรณีที่บังกลาเทศ ตำรวจในเขตมูลาดี ทางภาคใต้ของประเทศ เปิดการสอบสวนกรณีเด็กหญิงอัคคีนูร์ วัย 13 ปี ถูกจับแต่งงานกับนายล็อกมาน ชีกดาร์ วัย 75 ปี เมื่อตำรวจไปยังหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ไม่พบบุคคลทั้งสอง แต่พบว่าในบัญชีเงินพ่อเด็ก มีการโอนเงินจากนายชีกดาร์ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ และเจ้าของหนี้ยังให้วัวมาอีกตัว
เดอะเดลี่ สตาร์ รายงานว่า เด็กหญิงอัคคีนูร์ถูกพ่อขายใช้หนี้ในราคาเพียง 57 ดอลลาร์ หรือราว 2,000 บาท พ่อเด็กไปยืมเงินนายชีกดาร์มาซ่อมบ้านที่ประสบภัยพายุไซโคลนเมื่อเดือนพ.ค. ส่วนนายชีกดาร์มีลูกกับภรรยาคนแรกแล้วถึง 11 คน
ทั้งนี้ ตามกฎหมายบังกลาเทศ แม้มีข้อห้ามวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปีแต่งงาน แต่ในความเป็นจริงยังมีอยู่อย่างกว้างขวาง โดยครอบครัวอาศัยการโกงอายุเด็กสาว