กรุงเทพฯ 13 ก.ย. - รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนใน ตลท.และ ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ
ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค.52) ว่า นักลงทุนต่างชาติยังเป็นฝ่ายซื้อสุทธิรวมถึง 32,124.42 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายสุทธิ 97,578.27 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันมียอดขายสุทธิ 19,143.21 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดซื้อสุทธิ 22,773.76 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 12,981.21 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดซื้อสุทธิถึง 74,804.51 ล้านบาท
ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ กรรมการผู้จัดการ บล.ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) และในฐานะนายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ
กล่าวว่าหากเศรษฐกิจโลกดีขึ้นเชื่อว่าจนถึงสิ้นปีนี้นักลงทุนต่างชาติน่าจะกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย แต่ประเมินได้ยากว่าจะซื้อสุทธิเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อเทียบกับปี 2551 ที่มียอดขายสุทธิรวม 162,357.05 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ นักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากดัชนียังคงแกว่งตัวผันผวน
ซึ่งพยายามไปทดสอบจุดสูงสุดใหม่ในรอบปี หากไม่สามารถผ่านไปได้ เชื่อว่าในระดับ 650 จุด จะมีนักลงทุนบางส่วนรอรับและเข้าเก็บหุ้น แต่เมื่อผ่านระดับ 700 จุดไปได้บรรยากาศการลงทุนจะคึกคักมากขึ้น เพราะจะมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มหลักทั้งพลังงาน ธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ โดยยังไม่แนะนำในหุ้นกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันถือว่ามีราคาแพงเกินไป นอกจากนี้ มองว่าหากรัฐบาลไม่สามารถปล่อยเงินลงทุนตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อาจทำให้นักลงทุนผิดหวัง และกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่หากเป็นไปตามแผนจะเข้าลงทุนหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
“เท่าที่คุยกับลูกค้าต่างชาติ พบว่าส่วนใหญ่ให้ความสนใจภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ขณะที่การเมืองในประเทศไทยนั้น ไม่ค่อยมีความกังวลมากนัก เนื่องจากยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” นายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ กล่าว.-สำนักข่าวไทย