สยดสยองอีกรอบ! ภาพซองบุหรี่สิงห์อมควัน

สิงห์อมควันหนาว กฎเหล็กคุมเข้มการขายบุหรี่


เมื่อกระทรวงสาธารณสุขออกกฎเหล็กคุมเข้มการขายบุหรี่ ทั้งนี้ นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข แถลงเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ถึงการลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข 4 ฉบับ ได้แก่ 1. การบังคับให้บุหรี่ซิกาแรต พิมพ์ฉลากแสดงชื่อสารพิษและสารก่อมะเร็งที่อยู่ในควันบุหรี่ 2. การเพิ่มจำนวนภาพคำเตือน 4 สี พร้อมข้อความแสดงพิษภัยของบุหรี่ จาก 6 ภาพเป็น 9 ภาพ ในบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์ 3. ห้ามพิมพ์ สรรพคุณบุหรี่ว่า รสอ่อน รสเบา ในบุหรี่ซิกาแรต บุหรี่ซิการ์ และยาเส้น ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2535 และ 4. การเพิ่มสถานที่ที่เป็นเขตปลอดบุหรี่ เพื่อคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ. 2535


โรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ 3 โรคหลัก ได้แก่ มะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคถุงลมโป่งพอง


นายพินิจกล่าวว่า สาเหตุที่ต้องออกประกาศกระทรวงเพิ่มดังกล่าว เพื่อต้องการลดนักสูบบุหรี่หน้าใหม่ ให้น้อยลง และป้องกันไม่ให้สุขภาพประชาชนถูกทำลายจากการสูบบุหรี่ โดยมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ถึงปีละ 5 ล้านคน ที่ผ่านมามีคนไทยต้องเสียชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน ด้วยโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ที่สำคัญคือโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ปีละ 52,000 คน หรือชั่วโมงละ 6 คน และต้องสูญเงินรักษาผู้เป็นโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ 3 โรคหลัก ได้แก่ มะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคถุงลมโป่งพอง รวมปีละไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงต้องใช้หลายมาตรการเพื่อลดและป้องกันปัญหาดังกล่าว


ระบุต้องพิมพ์ฉลากแสดงชื่อสารพิษและสารก่อมะเร็ง ที่ได้จากการเผาไหม้ของบุหรี่ ที่ข้างซอง


รมว.สาธารณสุขกล่าวอีกว่า เนื้อหาของประกาศกระทรวงทั้ง 4 ฉบับ ระบุต้องพิมพ์ฉลากแสดงชื่อสารพิษและสารก่อมะเร็ง ที่ได้จากการเผาไหม้ของบุหรี่ ที่ข้างซองทั้ง 2 ข้าง ด้วยอักษรไทย พิมพ์หมึกสีดำ บนพื้นสีขาวภายในกรอบดำ มีพื้นที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของด้านข้างซองหรือด้านข้างภาชนะบรรจุ โดยกำหนดสารพิษ 2 ตัว ได้แก่ คาร์บอนมอนอกไซด์ และไฮโดรเจนไซยาไนด์ ซึ่งเป็นก๊าซพิษเพียง 2 ใน 4,000 กว่าชนิดของสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบของบุหรี่ และสารก่อมะเร็ง 3 ตัว ได้แก่ ทาร์ฟอร์มาลดีไฮด์ และไนโตรซามีน ซึ่งเป็น 3 ใน 40 กว่าชนิดของสารก่อมะเร็งที่พบในบุหรี่ โดยบุหรี่ 1 มวน จะมีสารทาร์ หรือที่เรียกว่าน้ำมันดินประมาณ 12-24 มิลลิกรัม ก่อให้เกิดมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ เช่น ปอด กล่องเสียง หลอดลม โดยสารทาร์ร้อยละ 50 จะไปจับที่ปอด ทำให้ระคายเคืองทางเดินหายใจ เกิดอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะ คนที่สูบบุหรี่จัดวันละ 1 ซอง จะทำให้สารทาร์เกาะที่ปอดสะสมวันละ 30 มิลลิกรัม หรือปีละ 110 กรัม สำหรับคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นต้นเหตุของโรคหัวใจ ทำให้เม็ดเลือดแดงจับออกซิเจนได้น้อยลง ร่างกายขาดออกซิเจน เกิดอาการมึนงง ส่วนไฮโดรเจนไซยาไนด์ จะทำลายผนังถุงลมในปอด ทำให้บางและแตกง่าย จำนวนถุงลมน้อยลง ส่งผลต่อการแลกเปลี่ยนก๊าซของปอด และเกิดโรคถุงลมปอดโป่งพอง


ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ จะใช้บังคับทั้งบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์ ที่ผลิตหรือนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย


รมว.สาธารณสุขกล่าวอีกว่า สำหรับภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ จะใช้บังคับทั้งบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์ ที่ผลิตหรือนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยเพิ่มจาก 6 ภาพ เป็น 9 ภาพคือ 1. ควันบุหรี่ทำร้ายผู้ใกล้ชิด 2. สูบแล้วปากเหม็นกลิ่นบุหรี่ 3. สูบแล้วถุงลมพองตาย 4. ควันบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปอด 5. ควันบุหรี่ทำให้หัวใจวายตาย 6. ควันบุหรี่นำชีวิตสู่ความตาย 7. สูบแล้วเป็นมะเร็งช่องปาก 8. สูบแล้วเป็นมะเร็งกล่องเสียง และ 9. ควันบุหรี่ทำให้เส้นเลือดสมองแตก กำหนดให้พิมพ์ 4 สี ขนาดกว้าง 5.5X4.25 เซนติเมตร ในอัตรา 1 แบบต่อ 5,000 ซอง หรือภาชนะบรรจุ และอัตรา 1 แบบต่อ 500 กล่อง หรือกระดาษห่อซอง หรือภาชนะบรรจุ นอกจากนี้ ยังห้ามพิมพ์คำว่ารสอ่อน รสเบา หรือ ไมล์ด (mild) ไลท์ (light) ที่บนซองบุหรี่ เพื่อป้องกันประชาชนเข้าใจผิดว่าบุหรี่มีพิษน้อย โดยประกาศกระทรวงทั้ง 3 ฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 180 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าประมาณเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550


สถานที่สาธารณะที่เป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งหมด หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 2,000 บาท เจ้าของสถานที่จะถูกปรับ 20,000 บาท

นายพินิจกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการเพิ่มพื้นที่เป็นเขตปลอดบุหรี่ ได้ปรับปรุงแก้ไขจากประกาศฯ ฉบับเดิม พ.ศ.2545 และเพิ่มเติม พ.ศ.2546 และ พ.ศ. 2548 โดยสถานที่สาธารณะที่เป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งหมด หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 2,000 บาท เจ้าของสถานที่จะถูกปรับ 20,000 บาท ได้แก่ รถโดยสารประจำทาง รถโดยสารรับจ้าง รถรับส่งนักเรียน หรือนิสิตนักศึกษาทุกประเภท รถยนต์ราชการ รถรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ ที่พักผู้โดยสาร หรือป้ายรถเมล์ ลิฟต์โดยสาร ตู้โทรศัพท์สาธารณะ สุขา อาคารโรงมหรสพ ห้องสมุด ห้องประชุม อบรม หรือสัมมนา ร้านขายยา คลินิกรักษาทั้งคนและสัตว์ สถานนวดไทย หรือนวดแผนโบราณ กิจการสปาเพื่อสุขภาพ นวดเพื่อสุขภาพ หรือนวดเพื่อเสริมสวย สถานบริการอบความร้อน อบไอน้ำ หรืออบสมุนไพร สถานที่ออกกำลังกายในร่ม ยกเว้นสนุ้กเกอร์หรือบิลเลียด อัฒจันทร์ดูกีฬาหรือการแสดง สนามเด็กเล่น สถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน โรงเรียนหรือสถานศึกษาต่ำกว่าอุดมศึกษา ศาสนสถานในบริเวณประกอบศาสนกิจ และบริเวณที่ติดแอร์ของสถานที่แสดงศิลปวัฒนธรรม พิพิธภัณฑสถาน หรือหอศิลป์ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานที่แสดงสินค้า หรือนิทรรศการ ร้านตัดผม ร้านตัดเสื้อ สถานเสริมความงาม ร้านคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ตู้เกมส์ หรือตู้คาราโอเกะ บริเวณโถงพักคอยของโรงแรม รีสอร์ต หอพัก ห้องเช่า อาคารชุด คอนโดมิเนียม คอร์ท หรืออพาร์ตเมนต์ ร้านจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม หรือสถานที่จัดเลี้ยง ยกเว้นผับ บาร์ หรือร้านอาหารที่อยู่ตามสถานบริการต่างๆ ตาม พ.ร.บ. สถานบริการของกระทรวงมหาดไทย โดยจะมีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน หรือประมาณเดือนพฤศจิกายน 2549 นี้



แหล่งข่าว : ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์