หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า สหรัฐขายอาวุธให้ต่างชาติคิดเป็นกว่า 2 ใน 3 ของยอดขายอาวุธให้ต่างประเทศในปี 2551 ซึ่งเป็นปีที่ยอดขายอาวุธตกต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี
รายงานอ้างการศึกษาของสภาคองเกรส ที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่า สหรัฐมียอดส่งออกอาวุธคิดเป็นร้อยละ 68.4 ของการขายอาวุธทั่วโลก โดยเมื่อปีก่อนมียอดขายเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 50 เป็น 37,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 ล้านล้านบาท) แม้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ปี 2550 มียอดขาย 25,400 ล้านบาท (ราว 863,600 ล้านบาท) เนื่องจากมีคำสั่งซื้ออาวุธใหม่จากลูกค้าในภูมิภาคตะวันออกใกล้และเอเชีย ทั้งยังมีสัญญาต่อเนื่องในการขายอุปกรณ์ และบริการสนับสนุนกับลูกค้าทั่วโลก
นอกจากนี้สหรัฐยังมียอดขายอาวุธให้ประเทศกำลังพัฒนามากที่สุดในโลก คือร้อยละ 70.1 ของข้อตกลงขายอาวุธมูลค่า 29,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 ล้านล้านบาท) เมื่อปีก่อน อาทิ ข้อตกลงขายระบบป้องกันภัยทางอากาศมูลค่า 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 221,000 ล้านบาท) ให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สัญญาขายเครื่องบินขับไล่มูลค่า 2,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 71,400 ล้านบาท) ให้โมร็อกโก และสัญญาขายเฮลิคอปเตอร์โจมตีให้ไต้หวันมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 68,000 ล้านบาท) นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงขายอาวุธให้ อินเดีย อิรัก ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ เกาหลีใต้ และบราซิล
อย่างไรก็ดี ยอดขายอาวุธทั่วโลกเมื่อปีก่อนลดลงร้อยละ 7.6 อยู่ที่ 55,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.8 ล้านล้านบาท) เป็นระดับต่ำสุดนับแต่ปี 2548 โดยอิตาลีเป็นประเทศที่ส่งออกอาวุธมากเป็นอันดับที่ 2 คือ 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 125,800 ล้านบาท) ขณะที่รัสเซียตามมาเป็นอันดับ 3 ที่ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 119,000 ล้านบาท) ลดลงจากเมื่อปี 2550 ที่มียอดขาย 10,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 367,200)
สำหรับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่ที่สุดของประเทศกำลังพัฒนาเมื่อปีก่อน มีมูลค่า 9,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 329,800 ล้านบาท) อันดับที่ 2 คือซาอุดีอาระเบีย มีมูลค่า 8,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 295,800 ล้านบาท) ส่วนโมร็อกโกซื้ออาวุธมากเป็นอันดับ 3 มูลค่า 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 183,600 ล้านบาท