จากเหตุการณ์แรงงานชาวเขมรที่ปักหลักอาศัยอยู่ที่ตำบลคลองสะแก อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ใช้มีดไล่ฟัน เจ้าบุญรอด สุนัขพันธุ์ไทยไม่มีเจ้าของ จนกระดูกสันหลังติดกับโคนหางหลุดขาดจากกันเป็นสองท่อน เจ้าหน้าที่อาสาสมัครพุทธไธสวรรค์ ช่วยเหลือจนรอดตาย ตามที่เสนอเป็นข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่29 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาการบาดเจ็บจากบาดแผลของเจ้าบุญรอดยังไม่ทุเลา ปากแผลที่มีขนาดใหญ่เริ่มขาวซีดคล้ายจะเป็นเนื้อเน่า
โดยเจ้าบุญรอด พยายามใช้ลิ้นเลียเพื่อรักษาบาดแผลตามธรรมชาติ เจ้าบุญรอด เริ่มมีอาการอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด จนจนท.อาสา ทุกคนตัดใจแล้วว่าอย่างไรเจ้าบุญรอดคงต้องตายแน่ ต่อมาวันเดียวกันนายเอนก ดิสธรรม หรือลุงเปี๊ยก อายุ 62 ปี บ้านพักอยู่ที่ 10/4 หมุ่ 1 ต.บึงบา อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ได้ติดต่อเข้ามายัง เจ้าหน้าที่อาสา ฯ ขอรับเจ้าบุญรอดไปรักษาตัวที่ รพ.สัตว์ที่เมืองทองธานี ซึ่งมีเครื่องมืออุปกรณ์การรักษาสัตว์ที่ทันสมัย โดยนายอเนกได้ขับรถเก๋งมารับ เจ้าบุญรอดไปรักษาทันที ทางเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ฯ ทุกคนต่างดีใจเชื่อว่าเจ้าบุญรอดต้องไม่ตายอย่างแน่นอน และฝากให้นายอเนกช่วยดูแลเจ้าบุญรอดให้ด้วย พร้อมทั้งได้มอบเงินสดจำนวน 3,000 บาท ที่ชาวบ้านบริจาคช่วยบุญรอด ให้กับนายเอนก นำไปเป็นค่ารถค่าเดินทางและค่ารักษาเจ้าบุญรอดด้วย ซึ่งนายอเนก เชื่อมั่นว่าเจ้าบุญรอดจะไม่ตายเพราะจากประสบการณ์ที่เลี้ยงหมาจรจัด หมาที่ถูกทอดทิ้ง นับร้อยตัว บอกว่าถ้าหมอรักษาเจ้าบุญรอดหาย ก็จะนำมาฟักฟื้นและเลี้ยงไว้ที่ บ้านอำเภอหนองเสือ จ.ปทุมธานี รวมกับหมาจรจัดอีกนับร้อยตัวที่เลี้ยงดูแลอยู่ในขณะนี้
ส่วนชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงที่พักของแรงงานเขมรเกิดความรังเกียจ และมีชาวบ้านหลายคน ไม่ต้องการให้แรงงานเขมรเหล่านี้เข้ามาอาศัยในลักษณะยึดพื้นที่กลางหมู่บ้านก่อเหตุไล่ฆ่าสุนัขจนทำให้เสียชื่อหมู่บ้านไปด้วย