เร่งพิสูจน์ต่างชาติฮุบที่นา ดีเอสไอลงพื้นที่ภาคกลางหลายจังหวัด พบต้องสงสัย 4 บริษัทถือครองที่นาในกรุงเก่านับหมื่นไร่ เชื่อมโยงกับนาที่พิจิตรและพิษณุ โลกอีกพันไร่ เร่งสอบรายละเอียดทั้งเจ้าของบริษัท การถือหุ้นส่วนและเส้นทางการเงินย้อนหลังถึง 5 ปี ป้องกันการเข้ามาของนายทุนต่างชาติ และพิทักษ์อาชีพสงวนของคนไทย
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ปกรณ์ สุขชีวะกุล พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 8 ชำนาญการพิเศษ ซึ่งรับมอบหมายให้ลงพื้นที่จังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกข้าวจำนวนมากกว่า 10 จังหวัด ในภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง เพื่อตรวจสอบข้อร้องเรียนที่ว่ามีชาวตะวันออกกลางเข้ามากว้านซื้อที่ดินทำนา อาชีพสงวนของคนไทย
เช็ก4บ.ต่างชาติ ฮุบที่นาอยุธยา
โฆษกดีเอสไอ เปิดเผยอีกว่า จากการตรวจสอบของดีเอสไอ ข้อมูลที่ได้จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกรมที่ดินไม่พบการโอนขายที่ดินล็อตใหญ่
หรือการเปลี่ยนแปลงรายชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน นอกจากนี้ ยังขอข้อมูลจากศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวและชาวนาในพื้นที่หลายจังหวัด โดยข้อมูลทั้งหมดยังไม่พบเหตุต้องสงสัยว่าคนต่างด้าวจะเข้ามายึดครองพื้นที่ปลูกข้าว จะมีก็เพียงพระนครศรีอยุธยาเพียงจังหวัดเดียว ที่พนักงานสอบสวนพบประเด็นต้องสงสัย จำเป็นต้องตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง ด้านพ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ชุดสอบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ปลูกข้าวใน จ.เพชรบุรี ราชบุรี และนครปฐม พบว่าพื้นที่ปลูกข้าวของเพชรบุรีเปลี่ยนไปเป็นนาเกลือเกือบทั้งหมด ส่วนราชบุรีและนครปฐม ชาวนายังคงยึดอาชีพทำนาต่อไป แต่ยังไม่พบเหตุต้องสงสัยว่ามีต่างด้าวเข้ามาถือครองที่นา ดังนั้น ดีเอสไอจะตรวจสอบที่นาของ 4 บริษัทในอยุธยาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้พบว่าบริษัททั้ง 4 แห่งครอบครองที่ดินทำนาเกือบ 10,000 ไร่
พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดดีเอสไอพบข้อมูลบ่งชี้ว่าทั้ง 4 บริษัท อาจมีความเชื่อมโยงกับการทำนาเนื้อที่นับ 1,000 ไร่ ใน จ.พิจิตร และพิษณุโลก
อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอกำลังเร่งตรวจสอบธุรกรรมการเงินของทั้ง 4 บริษัท รวมทั้งเร่งวิเคราะห์สัดส่วนการถือหุ้นว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบธุรกิจ พ.ศ.2542 หรือไม่ แม้ว่าข้อมูลเบื้องต้นที่พบจะระบุว่าทั้ง 4 บริษัทเป็นบริษัทสัญชาติไทย แต่จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังไป 5 ปี เพื่อวิเคราะห์ว่ามีคนต่างด้าวเข้ามาถือหุ้นเกินร้อยละ 49 หรือไม่ นอกจากนี้ ดีเอสไอจะประสานขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตรวจสอบการเงินของ 4 บริษัทดังกล่าวด้วย พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวต่อว่า สัปดาห์หน้าคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุวโรช พะลัง ส.ส.ชุมพร เป็นประธาน จะเรียกดีเอสไอเข้าให้ข้อมูลว่ากรณีต่างด้าวฮุบที่ดินทำนาปลูกข้าวมีมูลความจริงหรือไม่ ข้อมูลทั้งหมดที่คณะกรรมาธิการต้องการรับทราบอาจเกี่ยวข้องกับการออกกฎหมายเพื่อสงวนพื้นที่เกษตรกรรม