นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารขนส่ง เปิดเผยว่า บ่ายวันนี้ (20 ส.ค.) จะเรียกประชุมสมาชิกทั้งหมด
เพื่อหารือถึงประเด็นภาระราคาน้ำมันที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการเดินรถของผู้ประกอบการ โดยจะขอมติจากสมาชิกว่าทุกคนเห็นด้วยกับแนวทางปรับขึ้นราคาค่าโดยสารหรือไม่ หลังได้ข้อสรุปจะทำหนังสือยื่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทันทีวันนี้ (20 ส.ค.) ในส่วนของผู้ประกอบการยืนยันว่าต้นทุนราคาน้ำมันเป็นภาระแก่ผู้ประกอบการอย่างมาก โดยในส่วนของสมาคมฯ จะเดินหน้าจนกว่าจะได้รับการอนุมัติปรับขึ้นค่าโดยสารเร็วที่สุด
ด้านนายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง กล่าวว่า
ตามมติคณะกรรมการฯ ที่ผ่านมาชัดเจนแล้วว่าจะรอพิจารณาทิศทางราคาน้ำมันในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า จึงจะมีการพิจารณาว่าอนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับราคาค่าโดยสารหรือไม่ แต่ระหว่างนี้หากมีผู้ประกอบการรายใดฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาค่าโดยสารก่อนคณะกรรมการฯ มีมติ กรมการขนส่งทางบกในฐานะเจ้าพนักงานจะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดในข้อหาเก็บค่าโดยสารเกินอัตรา และหากพบว่ายังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าวมีการกระทำผิดซ้ำ กรมฯ จะขอให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ซึ่งตนเป็นคณะกรรมการ บขส.ด้วย พิจารณายกเลิกใบอนุญาตเดินรถในเส้นทางนั้น ๆ ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการและผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ในส่วนของ บขส.พร้อมยกเลิกสัญญาผู้ประกอบการรายใดก็ตามที่มีความผิดในลักษณะกระทำซ้ำในเรื่องฉวยโอกาสปรับค่าโดยสาร
นอกจากนี้หากผู้ประกอบการรายใดอ้างว่าจะหยุดเดินรถ เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมันทำให้การเดินรถไม่คุ้มต้นทุน หรือจงใจหยุดเดินรถเพื่อประท้วง ในส่วนนี้ บขส.มั่นใจว่าจะสามารถหารถเสริมมาวิ่งให้บริการประชาชนโดยไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากขณะนี้ บขส.ได้ประสานงานเบื้องต้นกับผู้ประกอบการรถโดยสารไม่ประจำทางหรือรถประเภท 30 ซึ่งทั้งหมดแสดงความต้องการพร้อมเข้ามาวิ่งให้บริการทุกเส้นทางที่เอกชนเจ้าของสัญญาหยุดให้บริการ ซึ่งมั่นใจว่ารถประเภท 30 มีศักยภาพสามารถเข้ามาดำเนินการทดแทนได้ตลอดเวลา
นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสาร กล่าวว่า หากมีผู้ประกอบการรายใดฉวยโอกาสขึ้นค่าโดยสารขณะนี้
ในส่วนของเครือข่ายฯ จะติดตามแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ โดยต้องมีการจับกุมอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชน หากไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดดำเนินงาน กลุ่มเครือข่ายฯ จะดำเนินคดีในฐานะเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ จากข้อมูลของกลุ่มเครือข่ายฯ พบว่าปัจจุบันผู้ประกอบการรถร่วมบริการ บขส. และ ขสมก.มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้เอ็นจีวีจำนวนมาก ซึ่งรถเหล่านี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับราคาน้ำมัน ซึ่งเอกชนเหล่านี้ไม่ควรฉวยโอกาสขึ้นค่าโดยสารซ้ำเติมประชาชน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนของภาครัฐที่เป็นผู้พิจารณาการปรับขึ้นหรือลงค่าโดยสาร คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางควรนำตัวเลขว่าผู้ประกอบการมีการปรับเปลี่ยนใช้เอ็นจีวีแล้วเท่าใดประกอบการพิจารณาในการอนุมัติปรับขึ้นหรือลงแต่ละครั้ง. - สำนักข่าวไทย