จากกระแสข่าวที่มีโพสต์ข้อความในอินเทอร์เน็ตว่าหากดื่มนมเปรี้ยวภายหลังจากดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจหาค่าปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดได้
และ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ออกมาให้ข้อมูลผลการทดลอง โดยกลั้วสุราที่ปาก แล้วดื่มนมเปรี้ยวตาม ซึ่งส่งผลให้ปริมาณแอลกอฮอล์ลดลงจริง แต่ยืนยันว่าความเมายังคงอยู่ ซึ่งเท่ากับว่าโอกาสเสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุยังมีสูง ทำให้เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮาเพราะจะเป็นช่องทางหลบเลี่ยงการถูกจับกุมข้อหาเมาแล้วขับนั้น
พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ดูแลงานจราจร เปิดเผยว่า เรื่องนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิชาการ
เพราะการพิสูจน์โดยนำสุรามากลั้วปากแล้ววัดค่าแอลกอฮอล์นั้นไม่ใช่การดื่มสุรา การดื่มสุราที่มีองค์ประกอบทั้งเรื่องเวลาและปริมาณนั้นแอลกอฮอล์จะซึมเข้าไปในกระแสเลือด ซึ่งในการตรวจวัดตามวิธีการของเจ้าหน้าที่ จะต้องเป่าโดยสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วเป่ายาว ๆ จะทำให้แอลกอฮอล์ที่อยู่ภายใน ออกมาทางลมหายใจและได้ค่าที่แท้จริง และการใช้วิธีการตรวจวัดจากลมหายใจด้วยเครื่องมือที่ใช้อยู่เป็นวิธีการมาตรฐานสากล ที่มีการพิสูจน์มาแล้วทั่วโลก แม้ว่าจะมีการดื่มเครื่องดื่มประเภทอื่นตามหลังจากดื่มสุรา ก็ไม่สามารถหลอกเครื่องได้
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นข้อคำถามในสังคม ทางเจ้าหน้าที่ก็พร้อม พิสูจน์
ซึ่งการทดสอบจะต้องเป็นผู้ที่ดื่มสุรา ในภาวะจริง และตรวจวัดกันที่ด่านฯจริง ๆ สำหรับกรณีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดนั้นคงไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีกฎหมายรองรับและวิธีการก็ยุ่งยาก การใช้เครื่องมือและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ปัจจุบันเชื่อว่าจะทำให้ลดพฤติกรรมการขับรถขณะเมาสุราเป็นวิธีการที่เหมาะสมแล้ว.