เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบนายเมธี ชูชาติ ชื่อเล่นว่า เท่ อายุ 15 ปี
บ้านเลขที่ 72 หมู่ 1 บ้านน้ำหมีใหญ่ ต.ผักขวง อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 โรงเรียนทองแสนขันวิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 พ่อแม่แยกทางกันทิ้งให้อาศัยอยู่กับยาย ชื่อนางจ๋อย เรืองทองศรี อายุ 70 ปี ซึ่งไม่มีอาชีพอะไร เนื่องจากอายุมากแล้ว และนายบันเทิง เรืองทองศรี น้าชาย อายุ 41 ปี พร้อมด้วยนางภาวิณี เรืองทองศรี อายุ 45 ปี น้าสาว ทั้งคู่สติไม่ดีป่วยเป็นโรคประสาทต้องหาหมอที่โรงพยาบาลสวนปรุง จ.เชียงใหม่ เป็นประจำ โดยอาศัยอยู่บนบ้านไม้เก่าชั้นเดี่ยวยกพื้นสูง หลังคามุงด้วยสังกะสีดูทรุดโทรมมาก น้าชายถ้าอาการกำเริบจะทำร้ายคนภายในบ้านทุกคนด้วยการทุบตีและด่าทอว่ากล่าวต่างนานา บ่อยครั้งยายต้องหลบหนีไปอยู่กับบ้านญาติที่อื่น และถ้าอาการรุนแรงมากน้าชายจะหวาดกลัวคนในหมู่บ้านและวิ่งหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่คนเดียวภายในป่า พร้อมกับขโมยเสื้อผ้าคนอื่นมาใส่เป็นประจำ ส่วนแม่เสียชีวิตไปนานแล้วด้วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ส่วนพ่อไปมีครอบครัวใหม่อยู่ จ.ศรีสะเกษ อยากเห็นหน้าพ่อในวันที่ 5 ธันวาคมนี้
นายเมธี กล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจพร้อมร้องไห้ว่า ทุกวันนี้ต้องรับผิดชอบหาเลี้ยงทั้งครอบครัวรวมทั้งตนด้วย 4 คน
ด้วยการยึดอาชีพรับจ้างหักข้าวโพด ปลูกมันและดายหญ้า ตามฤดูกาล ได้ค่าแรงวันและ 100-120 บาท หากวันไหนไม่มีงานก็ต้องไปรับจ้างแบกเกลือป่น เกลือเม็ดติดตามพ่อค้าเร่ในหมู่บ้านไปส่งให้ลูกค้า ซึ่งอยู่ต่างอำเภอในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ ได้ค่าแรงเพียงแค่ 50-60 บาท ในวันหยุดหรือวันเสาร์และอาทิตย์ ลำพังเพียงแค่เงินจากค่าเบี้ยยังชีพของยาย น้าชายและน้าสาวทุกเดือนรวมกัน 1,500 บาท ไหนจะค่ารถโดยสารสองแถวที่จะต้องนั่งไปกลับที่โรงเรียนเป็นประจำทุกเดือนระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร รวมทั้งค่าอาหารที่โรงเรียนอีก เงินที่มีจึงไม่พอ ต้องอดมื้อกินมื้อ ในบางวันไม่มีเงินก็เก็บผักตามริมรั้วในหมู่บ้านมาทำอาหารให้ทุกคนกิน วันหยุดไหนที่ไม่มีการจ้างงานก็จะแย่ อ่านหนังสือไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะวิตกกังวลเรื่องการอยู่กินของทุกคนภายในบ้าน รู้สึกท้อใจและน้อยใจว่า ตัวเองเกิดมาไม่สมบูรณ์แบบเหมือนคนอื่น ทุกวันนี้อยู่ได้ด้วยกำลังใจที่ต้องการช่วยเหลือทุกคนให้พ้นทุกข์
" วันไหนถ้าอาการทางประสาทของน้าชายกำเริบ ก็จะด่าว่าทุกคนภายในบ้านพร้อมทั้งทุบตียาย น้าสาวและตนด้วย แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร และสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนบ้านบางครั้งก็อยากให้เจ้าหน้าที่นำตัวน้าชายและน้าสาวไปรักษาให้หายขาด แต่ก็กลัวเรื่องการพลัดพรากจากกันเพราะเคยอยู่ร่วมกันมา จะทุกข์จะสุขอย่างไรก็ต้องทนอยู่ด้วยกันอย่างนี้ บ้านที่อยู่ทุกวันนี้ก็โทรมมากแล้ว ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเหมือนบ้านอื่นเขา หุงข้าวทำอาหารก็ใช้เตาฟืนเก่าสมัยคุณยายใช้อยู่ อยากมีเตาแก๊ส พัดลม หม้อหุงข้าวไฟฟ้าทีวี ตู้เย็นและรถจักรยาน เหมือนกับบ้านอื่นเขาบ้าง อยากเรียนต่อในชั้นสูง อนาคตอยากเป็นวิศกร
พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ตนยังเด็ก หลังจากที่แยกทางกันไม่เท่าไหร่แม่ก็เสียชีวิต ต้องใช้ชีวิตอยู่กับยายพร้อมน้าชายและน้าสาว
ยายบอกให้ฟังว่าพ่อมีครอบครัวใหม่อยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ อยากเห็นหน้าพ่อ ถ้าพ่อยังมีชีวิตอยู่ อยากให้พ่อมาหาและมาเยี่ยมบ้าง คิดถึงพ่อ ทำไมพ่อถึงใจดำกับผมละครับ ปล่อยให้ผมต้องลำบากตรากตรำอยู่อย่างนี้ มีชีวิตก็ไม่เหมือนกับครอบครัวคนอื่นเขาเลย ที่มีพ่อมีแม่อยู่พร้อมหน้า ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ อยากพบพ่ออยากเห็นหน้าพ่อ ถ้าพ่อทราบข่าวและรู้ข่าว ก็ให้แวะมาหาด้วยผมจะรอวันนั้น ผมอยากกอดพ่อ "
นายประมุข ธนวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนทองแสนขันวิทยา กล่าวว่า น้องเมธีเป็นเด็กดี มีความขยันขันแข็ง เป็นที่รักของเพื่อนและครูผู้สอน
รวมทั้งมีความประพฤติเรียบร้อย ผลการเรียนในช่วงชั้น ม.3 ที่ผ่านมาอยู่ในเกรดเฉลี่ยสูงถึง 3.25 ฐานะเด็กทางบ้านยากจนมาก ยอมรับในความขยันอดทน และความมุมานะบากบั่น ทางโรงเรียนได้ส่งเสริมให้ทุนการศึกษาในเบื้องต้นเป็นเงิน 500 บาท พร้อมเตรียมที่จะหาทางช่วยเหลือให้อีก สำหรับผู้ทีมีจิตศรัทธาจะช่วยเหลือน้องเมธี สามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขา ทองแสนขัน ที่หมายเลข 610-0-16448-9 ในนามของ นายเมธี ชูชาติ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลรายละเอียดได้ที่ น.ส.ธัญญาพร อ่องดา ครูประจำชั้น 087-0068098 และ นายชาคริต ชิวชื่น ครูที่ปรึกษา 085-4258514