กรุงเทพฯ 11 ส.ค.-บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินการใช้จ่ายช่วงวันแม่แห่งชาติปีนี้ ว่า กิจกรรมยอดนิยมทุกปีที่ผ่านมาในวันแม่
คือ การพาแม่ออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และการพาแม่เดินทางท่องเที่ยว ซึ่งทำให้ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางท่องเที่ยวคึกคักขึ้น แม้ว่าจะเป็นช่วงสั้น ๆ ก็ตาม แต่ก็ช่วยปลุกธุรกิจให้กลับมาคึกคักได้บ้าง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่าในช่วงเทศกาลวันแม่ปีนี้ จะมีเม็ดเงินสะพัด 6,325 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเทศกาลวันแม่ปี 2551 เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7-8
โดยเกือบร้อยละ 90 หรือ 5,500 ล้านบาท เป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการท่องเที่ยว ส่วนเม็ดเงินที่สะพัดในหลากธุรกิจจากกิจกรรมต่าง ๆ ในวันแม่ประมาณ 825 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5-6 โดยประเมินว่าในช่วงเทศกาลวันแม่ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยกลุ่มครอบครัวเดินทางท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 1.38 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8 ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในหลากธุรกิจที่เกี่ยวข้องประมาณ 5,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เนื่องจากทั้งภาครัฐและเอกชนต่างหันมากระตุ้นให้คนไทยเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น
ส่วนเม็ดเงินสะพัดในหลากธุรกิจในช่วงเทศกาลวันแม่ปี 2552 แยกเป็นร้านจำหน่ายดอกไม้สด
โดยเฉพาะรายได้จากการจำหน่ายพวงมาลัยดอกมะลิทั้งประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 12 เนื่องจากราคาดอกมะลิมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ลูกค้ายังเลือกซื้อพวงมาลัยดอกมะลิ เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่ ยอดขายของบรรดาภัตตาคาร/ร้านอาหารเพิ่มขึ้น 545 ล้านบาท หรือร้อยละ 4-6 เนื่องจากกิจกรรมการพาแม่ไปทานอาหารนอกบ้านนับว่าเป็นกิจกรรมยอดนิยม แม้ว่าในปีนี้บางครอบครัวจะกังวลในเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 บ้าง แต่ก็ยังคงพาแม่ไปรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยพิถีพิถันในการเลือกร้านมากขึ้น ยอดจำหน่ายอาหารเสริมสุขภาพในช่วงเทศกาลวันแม่เพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 6
โดยมีปัจจัยหนุนคือ ความกังวลในเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ส่วนธุรกิจเครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะที่เจาะขยายการจำหน่ายในช่วงวันแม่ แม้ว่าจะยังเป็นตลาดเครื่องสำอางที่ยังเล็ก แต่ก็เป็นตลาดที่น่าจับตามอง โดยคาดว่าในวันแม่ปีนี้เครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุจะมียอดจำหน่ายประมาณ 40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 –สำนักข่าวไทย