เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ท. วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผบก.น.5 พ.ต.อ.สมชาย พัชรอินโต รองผบก.น.5
แถลงผลงานของพ.ต.ท.กิตติวัชร์ ภูมิเนศ และพ.ต.ต.สุวรรณ บุญแสง สว.สส.สน.ทองหล่อ จับกุมนายอำนาจ หรือติ๊ก ดอรอ อายุ 25 ปี และนายธนรัตน์ หรือออม มีเดช อายุ 28 ปี พร้อมของกลางที่ได้จากการลักทรัพย์ในรถยนต์ อาทิ สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ บัตรเครดิตธนาคารต่างๆ จอทีวีติดรถยนต์ วิทยุติดรถยนต์ นาฬิกาหลายยี่ห้อ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และอื่นๆ จำนวนมาก
การจับกุมครั้งนี้ เป็นฝีมือตำรวจสน.ทอง หล่อ ที่ออกซุ่มโป่งบริเวณลานจอดรถถนนสุขุมวิท 21
เพื่อป้องกันเหตุทุบกระจกรถลักทรัพย์สินที่เกิดขึ้นอย่างถี่ยิบในช่วงหลัง พบคนร้ายพยายามลักทรัพย์รถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี ทะเบียน ษษ 4429 กรุงเทพฯ ซึ่งจอดในจุดดังกล่าว โดยวิธีการคนร้ายใช้ไฟแช็กแก๊สลนกระจกรถยนต์ให้ร้าว เพื่อไม่ให้สัญญาณกันขโมยดัง แล้วทุบกระจกลักทรัพย์สินภายใน ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า
ผู้ต้องหาก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ในพื้นที่สน.ทองหล่อ 4 ครั้ง ที่ลานจอดรถสหกรณ์เอกมัย ถนนสุขุมวิท, ซอยทองหล่อ สุขุมวิท 55, อาคารเอ็กช์เชน ทาวเวอร์ สุขุมวิท 21 และถนนเอกมัย ซอย 4, พื้นที่สน.พระโขนง 1 ครั้ง บริเวณสุขุมวิท 56, พื้นที่ สน.โคกคราม 1 ครั้ง ที่คอร์ตแบดไทยมินตัน ซอยนวลจันทร์ 56, พื้นที่สน.โชคชัย 1 ครั้ง ที่ลานจอดรถร.พ.ลาด พร้าว และจ.นนทบุรี 1 ครั้ง ที่อาคารจอดรถเมืองทองธานี
จับ2โจรลนไฟ-ทุบกระจกรถผจก.วู้ดดี้
ด้านน.ส.ณัชพร หรือส้ม สายบัว หนึ่งในผู้เสียหาย และเป็นผู้จัดการส่วนตัวนายวุฒิธร มิลินทจินดา หรือ"วู้ดดี้" พิธีกรชื่อดัง เปิดเผยว่า
จอดรถเชฟโรเลต แคปติว่า ทะเบียน ชญ 2996 กรุงเทพฯ ไว้ปากซอยทองหล่อ เวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 2 ส.ค. นาน 30 นาที กลับมาพบว่าถูกทุบกระจก ทรัพย์สินหายไปประกอบด้วยกระเป๋าสะพาย โทรศัพท์มือถือ กางเกงยีนส์ วิกผม พระเครื่อง และอื่นๆ ดีใจมากที่ได้ทรัพย์สินคืนมา นับว่าตำรวจเก่งมาก ตอนแรกร้องเรียนบริษัทรถว่าทำไมสัญญาณกันขโมยไม่ดัง กระทั่งทราบภายหลังว่าคนร้ายใช้ไฟแช็กแก๊สลนกระจกจนร้อนก่อนใช้มือผลักทำให้ไม่มีเสียง
ขณะที่พิธีกรดัง วู้ดดี้ กล่าวว่า
เรื่องนี้อยากให้ทุกคนระวังรถ อย่าพยายามจอดตามถนน โดยเฉพาะที่เปลี่ยวหากไม่จำเป็น ตอนแรกไม่รู้ว่าคนร้ายทำอย่างไร ถึงสัญญาณกันขโมยไม่ดัง มารู้ตอนหลังก็ถือว่าอันตรายมาก เท่าที่รู้ไม่แค่พวกตน แต่มีอีกกว่า 30 รายที่ถูกทำเช่นเดียวกัน วันเกิดเหตุก็ไปทำงานด้วยกัน ก่อนแยกกันกลับ โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก
นายขวัญชัย อัครธรมกุล และน.ส.นิชชญา นันท์ กิตติวงศ์ภักดี ผู้เสียหายที่ถูกทุบรถที่ถนนเอกมัย ซอย 4 กล่าวว่า
ทำงานด้านออกแบบกราฟิกที่ร.พ.สมิติเวช ก่อนเกิดเหตุไปกินข้าวใช้เวลา 1 ช.ม. กลับมาพบรถถูกทุบ แต่คนร้ายเอากระเป๋าไปแค่ใบเดียว ในนั้นมีบัตรเครดิต เงิน คาดว่าคงจะรีบ ทั้งที่ทรัพย์สินในรถมีจำนวนมาก และฝากให้ทุกคนระวังหากจอดรถในที่เปลี่ยว
จากการสอบสวนนายธนรัตน์ หรือออม รับสารภาพว่า
ตนเองไม่ใช่ตัวการใหญ่ แต่เป็นนายอำนาจ เพื่อนของตนที่เป็นตัวการใหญ่ วิธีการจำมาจากเด็กที่พยายามเข้ามาขโมยทรัพย์สินในรถของตน จึงเริ่มทำตามบ้าง โดยทำเพื่อความสนุก ไม่ได้ตั้งใจเอาทรัพย์สิน ส่วนทรัพย์สินที่ได้ก็เอาไปขาย และนำเงินมาใช้หนี้บัตรเครดิตที่ภรรยาก่อไว้ จากนั้นก็ติดใจเริ่มทำมาเรื่อยๆ
ระหว่างการแถลงข่าว นายธนรัตน์นั่งก้มหน้าตลอดเวลาระหว่างตอบคำถามสื่อและตำรวจ กล่าวว่า
ตนไม่ได้มีเรื่องเดือดร้อนอะไร นึกสนุกจึงพลาดไปเอง รู้สึกผิดก่อนหน้าที่จะถูกตำรวจจับมาเสียอีก ตนหยุดลงมือแล้ว แต่เพื่อนคือนายอำนาจ หรือติ๊ก ที่ตำรวจจับได้และฝากขังไปก่อนแล้ว ไม่ยอมหยุด ตนรู้ว่าขนาดเอาปืนตำรวจมาได้ เอารถมาได้เป็นคันๆ แบบนั้นมันแรงเกินไปแล้ว ตนถึงไม่ออกไปกับเขา ไม่ให้ขึ้นรถไปกับตนอีก ขนาดแถวบ้านมันก็ยังลงมือทำเลย มันแรงเกินไป จนโดนจับไปก่อน ส่วนรถของใครบ้างตนไม่รู้
นายธนรัตน์กล่าวอีกว่า
สำหรับวิธีเจาะกระจกรถ นายอำนาจเป็นคนทำ ตนเพียงแค่เป็นคนขับรถไปให้ หลังตำรวจจับก็พยายามช่วยตามสิ่งของกลับคืนมาให้มากที่สุดแล้ว ทั้งที่ตนแทบไม่ได้อะไรเลยในการทำงานด้วยกัน ยอมรับว่าไปด้วยหลายครั้งจริง จำไม่ได้ว่าจำนวนมากน้อยแค่ไหน ตนบอกกับคนที่รับสิ่งของต่างๆ ไปว่าอย่าเอาไปขายเด็ดขาด ให้เก็บเอาไว้ก่อน เพราะรู้ตัวดีว่าถึงอย่างไรตำรวจก็จะตามเจอ เคยบอกนายอำนาจหยุดทำเถอะ แต่ตอนหลังนายอำเภอกลับไปขโมยรถยนต์มาตระเวนทำเอง ขอยอมรับผิด และขอโทษผู้เสียหายทุกๆ คนด้วย
นายธนรัตน์เล่าถึงวิธีเจาะกระจกรถยนต์ โดยสัญญาณกันขโมยไม่ดังว่า
นายอำนาจเป็นคนจุดไฟแช็กไว้แล้วหาอะไร เหน็บไฟแช็กติดไว้ตรงกระจกรถทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที กระจกก็จะแตก เอาวิธีนี้มาจากเด็กแถวบ้าน ประมาณ 2 เดือนก่อนรถยนต์ของตนที่จอดแถวบ้านเคยถูกเด็กแถวบ้านทำแบบนี้ แต่ตนมาเห็นก่อนกระจกแตก จึงจำวิธีการดังกล่าวมาใช้
"เมื่อประมาณเดือนกว่า เกิดปัญหาภรรยาตั้งครรภ์ได้ 8 เดือนครึ่ง กำลังจะคลอด ต้องหยุดงานที่เป็นเลขาฯอยู่บริษัทย่านเอ็มโพเรียม ผมจึงเอาบัตรเครดิตของแฟนไปรูดเงินสดมาซื้อของเตรียมไว้รอลูกคลอด ทำให้เป็นหนี้อยู่หมื่นกว่าบาท จึงตัดสินใจร่วมกับนายอำนาจซึ่งอยู่ในซอยเดียวกันเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่ชั้นประถม ทำเป็นครั้งแรก เพื่อต้องการเงินมาปลดหนี้เท่านั้น ส่วนอาชีพก่อนหน้านี้ทำงานค้าขายอะไหล่รถอยู่เคยเปิดร้านเองแต่เจ๊งไปแล้ว" นายธนรัตน์กล่าว
นายธนรัตน์กล่าวขอโทษพิธีกรวู้ดดี้ และผู้จัดการของวู้ดดี้ ที่มาร่วมดูการแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยว่า
ขอโทษจริงๆ แต่ไม่สามารถยกมือไหว้ได้เพราะมือถูกใส่กุญแจมือไว้ ตนพยายามตามสิ่งของกลับมาคืนให้พี่ทุกคนได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สาเหตุที่ลงมือกระทำเพราะขายอะไหล่ไม่ได้เลย แล้วลูกก็กำลังจะคลอด แม้ที่บ้านพอมีพอกินก็ตาม แต่ตนเองไม่สามารถหาเงินให้เมียและลูกได้เองเลย ตนรู้สึกตัวและพยายามจะหยุดด้วยการรวบรวมสิ่งของต่างๆ เพื่อมาคืนเจ้าทรัพย์ แต่ก็มาถูกตำรวจจับเสียก่อน
พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวถึงวิธีการโจรกรรมของแก๊งนี้ว่า
คนร้ายใช้ไฟแช็กแก๊สลนกระจกจนร้อน ประมาณ 4 นาที ก่อนนำน้ำเย็นมาสาด ทำให้กระจกแตก โดยสัญญาณกันขโมยจะไม่ดัง แล้วใช้มือผลักกระจกเข้าไปลักทรัพย์สิน โดยก่อเหตุมาแล้วกว่า 30 ครั้ง ใช้วิธีตระเวนมองรถที่จอดตามที่เปลี่ยว และลงมือก่อเหตุ
พ.ต.ต.สุวรรณ บุญแสง สว.สส.สน.ทอง หล่อ กล่าวเพิ่มเติมว่า
นายอำนาจ ผู้ต้องหาอีกราย ที่ถูกฝากขังไปก่อนนี้ ทางตำรวจไม่ได้นำตัวมาร่วมแถลงวันนี้ แต่ให้การรับสารภาพหมดแล้วว่าเป็นคนลงมือเจาะกระจกรถยนต์ต่างๆ จริง โดยเป็นลูกน้องของนายธนรัตน์ หรือออม ที่เป็นคนวางแผน โดยนายธนรัตน์ติดยาเสพติดด้วย เหตุที่ตำรวจจับกุมได้อย่างรวดเร็ว เพราะคนร้ายต้องการหาเงินไปเสพยาเสพติด จึงออกทำงานถี่ ฝ่ายสืบสวนสน.ทองหล่อจึงร่วมกันวางแผนซุ่มโป่ง โดยเชื่อว่าแผนประทุษกรรมของคนร้าย เมื่อลงมือสำเร็จได้ของไปแล้วครั้งหนึ่ง จะต้องวนกลับมาก่อเหตุซ้ำอีกแน่นอน จึงให้ลูกน้องไปซุ่มดู ห่างกันเพียงแค่ 4 วัน คนร้ายก็กลับมาก่อเหตุซ้ำอีกจริงๆ ยังมีสิ่งของอีกจำนวนมากที่ยังติดตามกลับคืนเจ้าทุกข์ไม่ได้ เราจะเร่งสืบสวนกลับคืนมาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
กลุ่มผู้ต้องหานอกจากจะลักทรัพย์สินภายในรถแล้ว หากผู้เสียหายมีกุญแจบ้านและบัตรประชาชนหรือที่อยู่ ก็จะอาศัยจังหวะติดตามไปลักทรัพย์ที่บ้านของผู้เสียหายอีก เนื่องจากมีกุญแจบ้าน