นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังร่วมหารือกับนายกรัฐมนตรี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือประชาชน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นว่า ที่ประชุมได้สั่งให้กระทรวงพลังงานไปจัดทำแผนการลดภาระประชาชน และเสนอให้ ครม.พิจารณาวันที่ 11 ส.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้ความสำคัญกับน้ำมันดีเซล โดยเฉพาะไบโอดีเซล หรือน้ำมันบี 2 ก่อนเป็นหลัก เพราะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการและเกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก ดังนั้น รัฐบาลมีหน้าที่ที่ต้องหามาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งเมื่อพิจารณาฐานะเงินกองทุนน้ำมันพบว่ายังมีเงินมากถึง 16,000 ล้านบาท ถือว่ายังมีฐานะที่ดี ดังนั้น กระทรวงพลังงานต้องกลับไปพิจารณาแนวทางช่วยเหลือให้ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุมดังกล่าว รมว.พลังงาน เสนอให้ปรับลดอัตราจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 50 สต./ลิตร และกองทุนเพื่อการส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน 50 สต./ลิตร รวมเป็น 1 บาท/ลิตร
แต่นายกรัฐมนตรีได้แสดงความไม่พอใจโดยสั่งให้กระทรวงพลังงานไปหาแนวทางปรับลดราคาน้ำมัน โดยเฉพาะในกลุ่มดีเซลให้ได้ 2 บาท/ลิตร ให้เท่ากับการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อลดข้อครหารัฐบาลทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันแพง โดยนายกฯให้เหตุผลว่าการลดเก็บเงินกองทุนน้ำมันในกลุ่มดีเซลจะเห็นเป็นรูปธรรมและเป็นผลงานแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงชัดเจนที่สุด เพราะลดราคาถึง 2 บาทต่อลิตรทันที
ทั้งนี้ หากต้องเลือกใช้กองทุนน้ำมันเป็นเครื่องมือในการลดราคาดีเซล ปัจจุบันดีเซลเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันอยู่ที่ 1.70 บาท/ลิตร มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 1,170 ล้านบาท
ไบโอดีเซลบี 5 รัฐบาลจ่ายชดเชยให้ผู้ค้าน้ำมันลิตรละ 23 สต./ลิตร เดือนละ 207 ล้านบาท ดังนั้น ถ้าต้องปรับลดเก็บเงิน 2 บาท/ลิตร จะทำให้รัฐบาลต้องจ่ายชดเชยในส่วนดีเซล 30 สต./ลิตร และไบโอดีเซลบี 5 2.23 บาท/ลิตร ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเดือนละ 1,800 ล้านบาท.
สั่งหาทางลดดีเซลลิตรละ 2 บาท
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!