วันนี้ (5 ส.ค.) นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาก็เนื่องมาจากค่าการตลาด อยู่ในเกณฑ์ที่ขาดทุน
โดยค่าการตลาดเฉลี่ยเหลือ ไม่ถึง 30 สต./ลิตร จากที่อัตราเฉลี่ยปกติไม่ควรต่ำกว่า 1.50 บาท/ลิตร โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มเบนซิน ค่าการตลาดติดลบถึง 10 สตางค์ ส่วนดีเซลอยู่ที่ 30 สต./ลิตร ซึ่งเกิดจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นมาก เพราะมีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยับดีขึ้น และมีการเก็งกำไรในตลาดค้าน้ำมันดิบ ส่งผลราคาน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา น้ำมันเวสต์เท็กซัสสหรัฐปรับขึ้น 3.20 ดอลลาร์ ปิดวานนี้ที่ 71.58 ดอลลาร์/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ เบนซินปรับขึ้น 4.87 ดอลลาร์ ปิดวานนี้ที่ 83.06 ดอลลาร์ ดีเซล ปรับขึ้น 0.54 ดอลลาร์ ปิดวานนี้ที่ 77.15 ดอลลาร์
“จะเห็นได้ว่าแม้ ปรับขึ้นครั้งนี้ก็ยังไม่มีกำไร โดยที่ผ่านมาได้พยายามชะลอการขึ้นราคา เพื่อลดผลกระทบประชาชน แต่ก็ไม่สามารถแบกรับภาระขาดทุนได้ตลอด จึงจำใจต้องปรับ โดยล่าสุดรัฐบาลยังไม่ได้แจ้งว่าจะมีการลดเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ อย่างใด” ผู้ช่วยกจญ.ปตท. กล่าว
ด้าน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รายงาน แนวโน้มราคาน้ำมันในช่วงวันที่ 4 - 10 ส.ค. ว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้น่าจะยังคงมีความผันผวน
โดยราคาน้ำมันดิบอาจจะถูกกดดันจากปัจจัยพื้นฐานของน้ำมันดิบที่ยังแย่อยู่ ซึ่งถ้าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังและน้ำมันดีเซลคงคลังของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ออกมาปรับตัวสูงขึ้นอีก ก็น่าจะส่งผลให้ราคาปรับลดลงได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปออกมาดีขึ้นต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลอีกครั้ง โดยไทยออยล์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 69-74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
