เอพีรายงานเมื่อ 3 ส.ค. ว่า เคเอฟซี ภัตตาคารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังของสหรัฐอเมริกาที่มีสาขาทั่วโลก
ปฏิเสธข้อกล่าวหาของครอบครัวเด็กหญิงในออสเตรเลียอายุ 11 ขวบ ที่ฟ้องร้องว่า ไก่ของเคเอฟซีเป็นต้นเหตุให้แขนขาเด็กเป็นอัมพาตจนต้องนั่งรถเข็น ครอบครัวด.ญ.โมนิก้า ซามาน ยื่นฟ้องร้องว่า ลูกเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะกินเนื้อไก่ที่ซื้อมาจากเคเอฟซี และมีเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลลาปนเปื้อน โดยเรียกเงินชดเชยกว่า 10 ล้านดอลลาร์ หรือราว 340 ล้านบาท
เด็กหญิงมาขึ้นศาลฎีการัฐนิวเซาธ์เวลส์ในสภาพนั่งรถเข็นและให้การว่า แขนขากระตุกหดเกร็งและพิการทางสติปัญญา
เนื่องจากสมองได้รับพิษจากเชื้อซัลโมเนลลาที่ปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์อาหารของเคเอฟซีที่ชื่อว่าทวิสเตอร์ ซึ่งซื้อมาจากเคเอฟซี สาขาวิลลาวู้ด ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของนครซิดนีย์ เมื่อเดือนตุลาคม 2548 เมื่อกินแล้ว ทำให้วันรุ่งขึ้นอาเจียนและท้องเสีย ส่วนพ่อแม่และพี่ชายซึ่งกินด้วย ก็มีอาการเช่นกัน
แอนโธนี่ บาร์ตลีย์ ทนายความของเด็กหญิงกล่าวต่อศาลว่า ก่อนที่จะล้มป่วยเมื่ออายุ 7 ขวบ
โมนิก้าเป็นเด็กฉลาดและกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา ซึ่งจากผลการพิสูจน์จากห้องทดลองนักวิทยาศาสตร์ต่างยืนยันว่าเนื้อไก่ดังกล่าวเป็นแหล่งแพร่เชื้อซัลโมเนลลาแน่นอน จึงฟ้องร้องเคเอฟซีในข้อหาไม่รับผิดชอบและฝ่าฝืนกฎหมายมาตรฐานการค้า
ด้านเคเอฟซีของบริษัทยัมแบรนด์ที่มีสำนักงานใหญ่ในรัฐเคนตักกี สหรัฐ ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเด็ก แต่ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับอาการป่วยของเด็ก แม้ว่าในคำให้การของบริษัทที่ตรวจสอบร้านในสาขาวิลลาวู้ด พบว่าได้คะแนนเพียงร้อยละ 41 ไม่ถึงมาตรฐาน