รวบแก๊งลักสายไฟ ระบาดทั่วอีสาน

ระยะนี้ทั่วพื้นที่ภาคอีสานตอนใต้


จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ชัยภูมิ เกิดคดีคนร้ายลักทรัพย์อาละวาดตัดสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์งัดหม้อแปลงไฟเกิดขึ้นเป็นประจำ แต่ละคดีแต่ละครั้งสร้างความเสียหายมากมายมหาศาล

โดยคนร้ายมักจะเลือกลงมือตอนกลางคืน ย่องเข้าไปตัดสายไฟฟ้าสายโทรศัพท์อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ขนาดหม้อแปลงไฟฟ้าริมทางก็ยังถูกพวกมันขนเอาไป

ที่สำคัญ พวกนี้ตามจับกุมยากเสียด้วย!??

ปัญหาดังกล่าวพล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผบช. ภาค 3 ได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากหลายหน่วยงานที่ตกเป็นผู้เสียหาย


ให้ช่วยออกติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ หากปล่อยทิ้งไว้รังแต่จะขยายวงกว้างออกไป จึงมอบหมายให้พล.ต.ต.พีระ เมฆวิชัย รอง ผบช.ภาค 3 เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนจับกุมคนร้ายแก๊งลักสายไฟสายโทรศัพท์มาดำเนินคดีให้ได้โดยไว

มีการระดมทีมงานระดับหัวหน้าหน่วย อาทิ พล.ต.ต.ประพัฒน์ ศิริวัฒน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ และผู้บังคับการแต่ละจังหวัดเป็นหัวหน้าทีมจัดชุดตั้งจุดตรวจจุดสกัด พร้อมหาข่าวความเคลื่อนไหวของคนร้ายทุกระยะ

ไม่นานทุกอย่างก็เข้าทางตำรวจ!?!

ชุดทำงานของพ.ต.ท.อดุลย์ ชัยประสิทธิกุล


หน.ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้รับรายงานจากสาย ว่าที่โกดังให้เช่าไม่มีเลขที่ ม.17 ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เป็นแหล่งเก็บสายไฟสายโทรศัพท์จำนวนมาก วันที่ 30 ก.ค. พ.ต.ท.อดุลย์ จึงขออนุมัติหมายศาลนำกำลังเข้าตรวจค้น พบคนงานหลายสิบคนกำลังปอกสายโทรศัพท์งัดเอาทองแดงออกมาเพื่อเตรียมขายจึงอายัดไว้

จากการสอบถามกลุ่มคนงานทราบว่า


สายโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของนายบุญญัติ กระชิมรัมย์ พนักงานบริษัท TOT (องค์การโทรศัพท์) ตำรวจจึงติดตามตัวนายบุญญัติมาดำเนินคดี ในข้อหาลักทรัพย์ พร้อมยึดสายโทรศัพท์ทั้งหมดซึ่งมีน้ำหนักกว่า 2,100 กิโลกรัม และรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน ฌม-3293 กทม. ซึ่งเป็นของบริษัท TOT ที่ผู้ต้องหาใช้ในการขนของ นำส่งพนักงานสอบสวนสภ.อ.เมืองบุรีรัมย์สรุปสำนวนส่งฟ้องทันที

นอกเหนือจากการตรวจยึดของกลางที่โกดังดังกล่าวแล้ว


เจ้าหน้าที่ยังได้รับรายงานจากสายด้วยว่า ยังมีคนร้ายอีกกลุ่มที่ตระเวนลักสายโทรศัพท์ สายไฟฟ้าและหม้อแปลงไฟฟ้าที่วางไว้ข้างทาง โดยคนร้ายจะใช้รถยนต์กระบะทะเบียนจังหวัดนครราชสีมาและทะเบียนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นพาหนะในการทำงาน

ตำรวจจึงตั้งด่านตรวจค้นเฝ้าระวังเหตุ

กระทั่งกลางดึกวันที่ 10 ส.ค.


พ.ต.ท.ศุภชัย ศักรินพานิชกุล รอง ผกก.หน.สภ.ต.ทะเมนชัย จ.บุรีรัมย์ พ.ต.ท.วิมลชัย วรรณาลัย สวป. พร้อมพวกตั้งจุดตรวจสกัดตามแผนตำรวจภูธรภาค 3 ตรวจพบรถยนต์กระบะสีขาว ทะเบียน บท-3510 พระนครศรีอยุธยา วิ่งผ่านมาจึงขอตรวจค้น พบว่าด้านหลังกระบะมีขดลวดทองแดงบรรจุในถุงปุ๋ย 4 ถุง น้ำหนัก 197 กิโลกรัม คีมตัดลวดขนาดใหญ่ 1 อัน ชะแลง 1 อัน กรรไกร 1 อัน ประแจสำหรับถอดนอต 52 ตัว ถังแก๊ส 1 ถัง และสิ่งอื่นๆ รวม 18 รายการจึงอายัดไว้

พร้อมควบคุมตัว


นายสุดใจ โฉมหน้า อายุ 44 ปี, นายชาตรี โฉมหน้า อายุ 17 ปี, นายนิคม โฉมหน้า อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 331 ม.19 ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา, นายสมศักดิ์ สังเงิน อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ม.19 ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นายเด่น เนียรประดิษฐ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 ม.11 ต.หนองมะนาว อ.คง จ.นครราชสีมา และด.ช.วุธ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ที่นั่งมาในรถไว้สอบปากคำ โดยกลุ่มผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า เพิ่งร่วมกันลักทรัพย์สินดังกล่าวมาจากเขตท้องที่สภ.อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ และอีกหลายท้องที่จึงอายัดตัวไว้ดำเนินคดี

จากการสอบสวนขยายผล ทราบว่า


คนร้ายแก๊งนี้ตระเวนลักอุปกรณ์หม้อแปลงไฟฟ้าในเขตพื้นที่รับผิดชอบตำรวจภูธรภาค 3 หลายครั้ง โดยเฉพาะที่จ.นครราชสีมา ลงมือในเขตท้องที่สภ.อ.ปากช่อง ถึง 9 ครั้ง เขตพื้นที่สภ.ต.หมูสี 4 ครั้ง สภ.ต.กลางดง 4 ครั้ง สภ.อ.สีคิ้ว 7 ครั้ง สภ.อ.ปักธงชัย 2 ครั้ง และสภ.อ.โชคชัยอีก 2 ครั้ง

นอกจากนี้ ยังออกอาละวาด


ในพื้นที่จ.บุรีรัมย์ เขตรับผิดชอบสภ.อ.ชุมพลบุรี 2 ครั้ง และสภ.อ.สังขละอีก 1 ครั้ง แต่ละครั้งเน้นเฉพาะสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์และหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ริมข้างทาง ซึ่งหม้อแปลงไฟฟ้าที่คนร้ายงัดเอาไปได้มีจำนวนทั้งหมดเกือบ 40 เครื่อง สนนราคาเครื่องละ 3 แสนบาท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาท ทรัพย์สินที่ขโมยมาได้จะถูกนำไปขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาแบ่งกัน

ตำรวจตั้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์


ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือรับของโจร

พล.ต.ท.สถาพร เปิดเผยว่า


จากผลงานการจับกุมคนร้ายทั้ง 2 รายเป็นที่น่าพอใจมาก ทั้งนี้ จะได้ทำการสอบสวนขยายผลต่อไปว่าคนร้ายมีเครือข่ายโยงใยถึงใคร หากหลักฐานพาดพิงถึงจะถูกดำเนินคดีทันที ที่ผ่านมา ตำรวจภูธรภาค 3 มีนโยบายปราบปรามอาชญากรรมและกวาดล้างยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ปัญหาบานปลายขยายวงกว้างออกไป ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือประชาชน หากมีเบาะแสคนร้ายหรือเห็นสิ่งผิดสังเกตต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาก่อนที่ภัยจะถึงตัว

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์