เวลา 10.00 น.วันที่ 21 กรกฎาคม นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงแพนดาในประเทศไทย สวนสัตว์เชียงใหม่
ส.พญ.กรรณิการ์ นิ่มตระกูล สัตวแพทย์ประจำตัวแพนดา และนางหู ไห่ผิง ผู้เชี่ยวชาญจีน พร้อมทีมวิจัยแพนดาจำนวน 8 คน ทำการแยกลูกแพนดาน้อยออกมาตรวจสุขภาพเมื่อมีอายุครบ 55 วัน ที่คลินิกแพนดา โดยหลินฮุ่ยกำลังนอนหลับสนิทและปล่อยลูกนอนอยู่ที่พื้นห้องหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเลี้ยงลูกตลอดคืน ซึ่งขณะนี้แพนดาน้อยโตเกินกว่าที่จะแยกใส่ตะกร้าเพราะดิ้นแรง ทีมวิจัยจึงตัดสินใจห่อผ้าและอุ้มออกมาแทนเพื่อป้องกันการกระแทก
ทั้งนี้ ทีมวิจัยใช้เวลานานกว่า 20 นาที ในการตรวขสุขภาพทั้งการชั่งน้ำหนัก วัดขนาดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ตรวจการมองเห็นของดวงตา การได้ยินเสียงจากหูทั้งสองข้าง ซึ่งแพนดาน้อยมีอาการดิ้นรุนแรง ส่งเสียงร้องดังออกมานอกห้องกระจกจนได้ยินชัดเจนกว่าทุกครั้ง ร่างกายค่อนข้างอ้วนปุกปุยไปด้วยขนที่ฟูแน่น ทำให้ต้องใช้ทีมวิจัย 3 คน ช่วยกันจับตัวไว้เพื่อไม่ให้ร่างกายกระแทกกับตู้อบที่แคบไปถนัดตาหากเทียบกับขนาดของแพนดาน้อย
แพนดาน้อยอ้วนปุกปุย เริ่มฤทธิ์เยอะซุกซนร้องโยเย
ส.พญ.กรรณิการ์ กล่าวว่า น้ำหนักของแพนดาน้อยชั่งได้ 3,015 กรัม เพิ่มขึ้น 115 กรัมจาก 2 วันที่ผ่านมา ความยาว 44.5 เซนติเมตร รอบอก 38 เซนติเมตร ขนาดหางอ้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สุขภาพโดยรวมสมบูรณ์แข็งแรง วันนี้ที่ดิ้นแรงมากเพราะยังไม่ได้กินนม สังเกตพบว่าจะอ้าปากงับหานม และดูดนิ้วมือทีมวิจัย ร้องเสียงดัง เพราะน่าจะหิวจัด เมื่อนำไปคืนพี่เลี้ยงต้องปลุกและกระตุ้นแม่หลินฮุ่ยให้ลุกมาให้นมลูก
"แพนดาน้อยแข็งแรงมากต้องใช้มือทีมวิจัยหลายคนช่วยกันจับ เขาเริ่มคลานได้ไกล โดยใช้ขาหลังซึ่งมีแรงถีบไปได้ดี ดวงตาเห็นชัดทั้งสองข้างไม่มีฟิล์มสีขาวเคลือบแล้วเพราะพบตาดำชัดแจ๋ว พี่เลี้ยงยืนยันว่าตอนนี้แพนดาน้อยไม่ใช้การดมกลิ่นแต่ใช้ตามองหาหัวนมแม่และคลานไปกินนมได้เอง แต่การทดสอบแพนดาน้อยยังไม่หันตามเสียงคาดว่าร่องยังไม่ทะลุถึงหูชั้นใน แต่ที่ชัดเจนคืออ้วนกลมมากขึ้น มีโทนเสียงร้องสูงต่ำ กึ่งๆ ลูกหมาร้องเวลาหิวนม และจะยังกินนมแม่ไปจนกว่า 1 ขวบ เพราะ 8 เดือนฟันน้ำนมขึ้นจึงยังกัดและกินไผ่ได้น้อยอยู่"
ส.พญ.กรรณิการ์ กล่าวว่า เราเริ่มทำงานลำบากเพราะแพนดาน้อยตัวโตและแรงเยอะมาก เราต้องคิดหาวิธีในการตรวจสุขภาพกันใหม่เพราะตู้อบเล็กเกินไปแล้ว
แต่จะไม่เข้าไปตรวจสุขภาพในคอกักเพราะแสงน้อย และอาจรบกวนการพักผ่อนของแม่หลินฮุ่ย ซึ่งหู ไห่ผิง ไม่ได้แนะนำอะไรพิเศษ เพราะแพนดาน้อยแข็งแรงมากและหลินฮุ่ยเลี้ยงลูกเก่ง กินไผ่ตงได้ดีจากเดิม 6-8 กก.ปัจจุบัน 10 กก.ต่อวัน น้ำหนักยังเท่าเดิม 107 กก.ให้นมลูก 3-4 เวลาต่อวัน
"การนำลูกออกแสดงอีกครั้งระหว่างวันที่ 12-16 สิงหาคมนี้ ในช่วงกิจกรรม คนไทยยินดี ลูกหมีได้ชื่อ..ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะยังคงให้ชมผ่านห้องกระจก แต่เราต้องติดตามพฤติกรรมแม่หลินฮุ่ยก่อนแต่คงไม่น่าห่วงเพราะหลินฮุ่ยนอนพักและกินไผ่นานขึ้น และอาจปล่ยให้หลินฮุ่ยออกไปส่วนจัดแสดงหากต้องการ" ส.พญ.กรรณิการ์ กล่าว
นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า การเลี้ยงลูกของหลินฮุ่ยเริ่มลำบากขึ้น เพราะแพนดาน้อยไม่ยอมอยู่นิ่งๆ ในอ้อมกอด จะเหมือนเด็กดิ้น โยเยไปมา
ทำให้หลินฮุ่ยต้องทำเสียงปลอบและเปลี่ยนท่า พร้อมทั้งเดิน 3 ขา อุ้มประคองลูกเดินไปมาในคอกกัก จนลูกหลับจึงล้มตัวนอนทำให้หลินฮุ่ยเหนื่อยตลอดคืนและนอนหลับสนิทจนเช้า "อีก 3 - 4 เดือน ห้องอนุบาลแพนดาน้อยด้านหลังโดมหิมะน่าจะแล้วเสร็จ จุดนั้นจะเหมาะสมทั้งการดูแล ตรวจสุขภาพ รวมทั้งเปิดให้นักท่องเที่ยวชมแพนดาน้อยหัดคลานและวิ่งเล่นผ่านกระจกบานใหญ่เขาไปในคอกไม้เตี้ยๆ ของแพนดาน้อยได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นจากระเบียงที่กำลังปรับปรุง" นายประเสริฐศักดิ์ กล่าว