เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 กค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ บริเวณเชียงใหม่ซู สโนว์โดม หรือโดมหิมะ
ในวันนี้ก็ยังคงมีประชาชนมาเข้าชมเต็มทั้ง 12 รอบ ตลอดทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่ายทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยผู้ที่ได้เข้าชมแพนด้าในส่วนจัดแสดงได้เข้าชมหมีแพนด้าช่วงช่วงและดูหลินฮุ่ยเลี้ยงแพนด้าน้อยผ่านทีวีวงจรปิด ระหว่างที่รอคิวเข้าชมโดมหิมะ
นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงแพนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังเจ้าหน้าที่ได้ย้ายหลินฮุ่ยให้กลับมาเลี้ยงลูกในมุมเดิมใกล้กับลูกกรง
เพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตการณ์ลูกแพนด้า ปรากฏว่าตั้งแต่ช่วงกลางดึกต่อเนื่องมาจนถึงเช้าหลินฮุ่ยยังคงเลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิดเช่นเดิม แต่พฤติกรรมพิเศษที่พี่เลี้ยงสังเกตเห็น คือ หลังจากแพนด้าน้อยมองเห็นได้ เริ่มหนีจากอ้อมกอดของแม่ระหว่างที่หลินฮุ่ยอุ้มลูกขึ้นมาเลีย แพนด้าน้อยที่เริ่มซุกซนได้พยายามมุดตัวออกมาคล้ายพยายามจะหนี
นอกจากนี้ระหว่างที่แพนด้าน้อยนอนอยู่กับพื้น หลินฮุ่ยจะใช้จมูกดันและซุกไซ้ไปที่ตัวลูก
ซึ่งแพนด้าน้อยก็ได้มีพฤติกรรมตอบสนองด้วยการหยอกล้อเล่นกับแม่โดยใช้ขาหน้าที่แข็งแรงตะปบไปที่หน้าแม่ และหลินฮุ่ยก็จูบฝ่าเท้าลูกและเลียด้วยความรักลูก ถือเป็นปฏิสัมพันธ์ของสองแม่ลูกที่น่ารักน่าเอ็นดู ซึ่งทีมวิจัยไทยถือเป็นความประทับใจที่เป็นเพียงแห่งเดียวของโลกที่มีการจดบันทึกพฤติกรรมและตั้งกล้องบันทึกการถ่ายภาพการเลี้ยงลูกของสัตว์ป่าอย่างแพนด้าในแบบที่ใกล้ชิดและละเอียดที่สุดตลอดทุกนาที ต่างจากที่อื่นซึ่งจะมีการตั้งกล้องไว้ในมุมสูงและสังเกตการณ์ในระยะไกลเท่านั้น
นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า วันที่ 6 ส.ค.นั้นคาดว่าการนำแพนด้าน้อยออกมาโชว์ตัวคงไม่น่ามีปัญหาอะไร
แต่วันที่ 12-16ส.ค.นั้นก็ยังห่วงอยู่เพราะจัดต่อเนื่องถึง 5 วันทางหลินฮุ่ยอาจจะหวงลูกได้หากแยกออกมาติดต่อกันหลายวัน ซึ่งก็คงต้องปรับแผนตามสถานการณ์จริงต่อไป