พันธบัตรไทยเข้มแข็ง8หมื่นล.เกลี้ยงสายฟ้าแลบ เล็งเปิดให้ผู้ผิดหวัง-นักลงทุนรายใหญ่เดือนหน้า

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน) แถลงสรุปผลการจำหน่ายพันธบัตรไทยเข้มแข็งรอบ 2

สำหรับบุคคลทั่วไปและผู้สูงอายุ โดยกำหนดซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท และไม่เกินคนละ 1 ล้านบาท ในวันที่ 15 กรกฎาคม ว่า สามารถขายได้หมดทั้งจำนวน 5 หมื่นล้านตั้งแต่เวลา 11.00 น. มีผู้จองซื้อรวมทั้งสิ้น 7.3 หมื่นราย เฉลี่ยซื้อรายละ 7 แสนบาท เมื่อรวมการจำหน่ายพันธบัตรไทยเข้มแข็งทั้ง 2 รอบ วงเงินรวม 8 หมื่นล้านบาท มีผู้สนใจลงทุนกว่า 1.14 แสนราย เชื่อว่ายังมีประชาชนสนใจที่จะซื้อพันธบัตรอีก อย่างไรก็ตาม เมื่อการจำหน่ายพันธบัตรในวงเงินที่กำหนดไว้หมดอย่างรวดเร็ว ทำให้การเปิดจำหน่ายรอบที่ 3 วันที่ 17-21 กรกฎาคม ต้องยกเลิกไปโดยปริยาย


นายจักรกฤศฏิ์กล่าวว่า หลังจากนี้ สบน.จะประเมินการออกพันธบัตรในงวดที่สองในเดือนต่อไป

เพื่อรองรับคนที่ผิดหวังจากการซื้อในครั้งแรก โดยเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ เช่น วัด โรงเรียน องค์กรการกุศล มูลนิธิต่างๆ และคนพิการ ส่วนวงเงินจะเป็นเท่าใดต้องประเมินอีกครั้ง โดยอายุพันธบัตรเกิน 5 ปี สำหรับอัตราดอกเบี้ยไม่น่าเกินร้อยละ 4 เพราะขณะนี้แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุเกิน 5 ปี เริ่มลดลงแล้ว ทั้งนี้ สำหรับการระดมทุนด้วยการออกพันธบัตรออมทรัพย์ในครั้งนี้ วงเงิน 80,000 ล้านบาท มีภาระดอกเบี้ยประมาณ 3,200 ล้านบาทต่อปี และเงินจากการออกพันธบัตรจะส่งเข้าคลังทั้งหมดเพื่อชดเชยรายได้ภาษีที่ลดลง


ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจำหน่ายพันธบัตรไทยเข้มแข็งรอบที่ 2 ได้รับความสนใจจากประชาชนมากกว่ารอบแรก

เดิมกำหนดวงเงินที่ 1.5 หมื่นล้านบาทไม่พอ จึงโอนเงินที่เหลือ 5,000 ล้านบาท ที่เตรียมไว้ขายให้กับประชาชนทั่วไป แบบไม่จำกัดจำนวนในรอบที่ 3 มาขายพร้อมกัน รวมเป็น 2 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังมีวงเงินที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม อนุมัติอีก 30,000 ล้านบาท มาขายพร้อมกันด้วย รวมแล้วมีวงเงินพันธบัตรเปิดขายครั้งนี้รวม 50,000 ล้านบาท


"การขายพันธบัตรออมทรัพย์ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งนี้ชี้ว่ามีปริมาณสภาพคล่องในระบบ ประชาชนมีความพร้อม ความสนใจและเชื่อมั่นมาตรการของรัฐบาล" นายกรณ์กล่าว

นายกรณ์กล่าวว่า การขยายวงเงินพันธบัตรไทยเข้มแข็งเพิ่มขึ้นอีก 30,000 ล้านบาท ตามมติ ครม. เป็นการคำนวณตามความเหมาะสมในการบริหารต้นทุนดอกเบี้ยที่ไม่ให้สูงเกินไป

โดยวงเงินรวม 80,000 ล้านบาท เป็นระดับกู้ยืมในกรอบที่เหมาะสม เนื่องจากดอกเบี้ย 4% เป็นระดับที่สามารถบริหารจัดการได้และยังเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับดอกเบี้ยที่เหมาะสม รวมถึงเป็นจำนวนเหมาะกับความต้องการของประชาชน
สำหรับผลกระทบต่อการกู้ยืมเงินของเอกชนจากการออกหุ้นกู้ นายกรณ์กล่าวว่า ไม่ได้กังวลเรื่องการออกหุ้นกู้ภาคเอกชน เนื่องจากภาคเอกชนที่เห็นจากความต้องการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งครั้งนี้ น่าจะประเมินความต้องการดอกเบี้ยที่สูงขึ้นของประชาชนได้ การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ชะลอลงไปช่วงหนึ่ง ซึ่งกระทรวงการคลังหวังว่า การออกพันธบัตรในครั้งนี้น่าจะฟื้นคืนชีพตลาดตราสารหนี้ขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง

นายชัยณรงค์ เอื้อสิทธิชัย ผู้อำนวยการฝ่าย ผู้บริหารฝ่ายธนบดีธนกิจ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า การขายพันธบัตรไทยเข้มแข็งถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี และมีความโปร่งใส

การออกพันธบัตรของรัฐบาลไม่กระทบต่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดแน่นอน เพราะตลาดคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่ารัฐบาลต้องการกู้เงินต่อ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยระยะยาวกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาภาวะเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อ แต่คาดว่าจะมีการปรับขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายพันธบัตรทั้ง 7 แห่ง ได้รับการจัดสรรรอบที่ 2 คือ ธนาคารกรุงเทพ 11,900 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 10,200 ล้านบาท ธนาคารไทยพาณิชย์ 8,700 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย 7,800 ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 4,500 ล้านบาท ธนาคารทหารไทย 3,800 ล้านบาท และธนาคารนครหลวงไทย 3,100 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศของการเปิดขายพันธบัตรรอบ 2 ที่ธนาคารกรุงไทยสำนักงานใหญ่ มีประชาชนมาเข้าแถวรอซื้อกันหนาตามากกว่าการขายรอบแรก

โดยเจ้าหน้าแจกบัตรคิวให้ลูกค้าประมาณ 92 คิว แต่มีผู้สามารถซื้อพันธบัตรได้แค่คิวที่ 74 เท่านั้น โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้น และพบว่ามีผู้สูงอายุมาซื้อพันธบัตรรอบนี้ด้วย
ส.ต.ท.ธวัช อ่อนพูล ข้าราชการเกษียณ อายุ 68 ปี กล่าวว่า มารอตั้งแต่ตี 4 เพื่อต่อแถวซื้อพันธบัตรโดยรับบัตรคิวเป็นคนแรก ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 แล้วสำหรับการซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็ง โดยรอบแรกซื้อไปแล้ว 1 ล้านบาท

สำหรับที่ จ.ตราด ทั้งที่ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย สาขาตราด มีประชาชนไปรอรับบัตรคิวก่อนเวลา เมื่อธนาคารเปิดทำการการจำหน่ายพันธบัตร ปรากฏว่าใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น ก็จำหน่ายหมดโควต้าที่ได้มา

ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาสิโรรส อ.เมือง จ.ยะลา มีประชาชนมารอรับบัตรคิว เพื่อซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็งจำนวนมาก เมื่อถึงเวลาเปิดการทำการเวลา ปรากฏว่าใช้เวลาแค่ 9 นาที พันธบัตรก็ถูกจำหน่ายหมด โดยมีประชาชนซื้อพันธบัตรได้ 30 ราย ยอดรวมเกือบ 30 ล้านบาท

ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาพิษณุโลก มีประชาชนจำนวนมาก มารอเข้าคิวตั้งแต่เวลา 06.00 น. โดยเฉพาะนายสำเภา กรองทวีผล อายุ 60 ปี ซึ่งพลาดโอกาสซื้อครั้งแรก จึงรีบเดินทางมารอก่อนใคร และเมื่อธนาคารเปิดทำการก็ใช้เวลาแค่ 9 นาที เท่านั้น ขายหมดโควต้าแล้ว โดยมีประชาชนซื้อได้ 62 ราย วงเงิน 37 ล้านบาท

รายงานข่าวจากธนาคารไทยพาณิชย์ แจ้งว่า การจำหน่ายพันธบัตรไทยเข้มแข็งของธนาคารรอบ 2 ยังคงเหลืออยู่ประมาณ 841 ล้านบาท

คาดว่าจะขายหมดภายในวันที่ 16 กรกฎาคม สาเหตุที่ยังเหลือเนื่องจากธนาคารใช้ระบบจัดสรรโควต้าให้กับสาขาต่างๆ ทำให้บางสาขาที่ไม่มีความต้องการซื้อเข้ามาจะเหลือ ดังนั้น หลังจากนี้ธนาคารจะนำโควต้าดังกล่าวมาจัดสรรให้กับสาขาของธนาคารสาขาที่ยังมีความต้องการอยู่

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์