วันที่ 13 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผวจ.เชียงใหม่
พร้อมหน่วยราชการและภาคเอกชน และชาวเชียงใหม่จำนวนมาก มารอต้อนรับ และร่วมแสดงความยินดีกับ "น้องนก"นพวรรณ เลิศชีวกานต์ ที่คว้าแชมป์เยาวชนหญิงเดี่ยว และเยาวชนหญิงคู่ เทนนิสวิมเบิลดัน 2009 ที่ประเทศอังกฤษ ที่จะเดินทางกลับบ้านเกิด จ.เชียงใหม่ ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินทีจี 106
กระทั่งเวลา 11.30 น. น้องนก และนายประมวล เลิศชีวกานต์ บิดาเดินทางมาถึงสนามบินเชียงใหม่ ทันทีที่มาถึง นายอมรพันธุ์เป็นตัวแทนชาวเชียงใหม่มอบช่อดอกไม้และคล้องมาลัยดอกกล้วยไม้สีม่วงให้นักเทนนิสสาวคนเก่ง
จากนั้นนายควินตัน เควลย์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายกสมาคมกีฬา จ.เชียงใหม่ ผอ.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ผู้จัดการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เชียงใหม่ และ ผอ.โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย ซึ่งน้องนกเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนแห่งนี้ พร้อมนักเรียน และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ มอบช่อดอกไม้ เมื่อน้องนกพบเพื่อนๆ ก็ตรงเข้ากอดเพื่อนๆ ร้องไห้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก อบอุ่น
หลังจากนั้นน้องนกเข้าพบกับญาติพี่น้อง ประกอบด้วยนางอุไร เมฆขยาย คุณยาย นางคำปัน เลิศชีวกานต์ ผู้เป็นย่า นางปรียาพร เทียนทรัพย์ คุณอา และน.ส.อภิญญา เลิศชีวกานต์ พี่สาว โดยน้องนกเข้าสวมกอดทุกคน พร้อมร่ำไห้ด้วยความยินดี โอกาสนี้นางคำปันมอบเหรียญหลวงปู่แหวนเลี่ยมทอง พร้อมสร้อยคอทองคำ 1 บาทสวมให้
เสร็จแล้ว น้องนกเดินทางออกจากท่าอากาศ ยานไปสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ที่เชิงดอยสุเทพ
ก่อนจะเดินทางไปที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เพื่อเยี่ยมแพนด้าน้อย โดยมีนายโสภณ ดำนุ้ย ผอ.องค์การสวนสัตว์ พร้อมคณะรอต้อนรับ ก่อนเข้าเยี่ยมแพนด้า น้องนกพร้อมผู้ติดตามทั้งหมด รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร โดยเมนูส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นเมือง เช่น แกงฮังเล น้ำพริกอ่อง ไส้อั่ว หลังรับประทานอาหารเสร็จ นายโสภณมอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาแก่น้องนก จำนวน 2 หมื่นบาท พร้อมตุ๊กตาแพนด้าและตุ๊กตาสัตว์อื่นๆ จำนวนหนึ่ง และบัตรเที่ยวสวนสัตว์ทั่วประเทศฟรี
จากนั้นน้องนกเข้าชมแพนด้าน้อย ซึ่งน้องนกมีโอกาสอุ้มลูกหมี โดยยื่นมือเข้าไปอุ้มในตู้อบด้วยท่าทางตื่นเต้นและแสดงความเอ็นดูแพนด้าน้อยที่น่ารักน่าชังและตัวโตขึ้นทุกวัน
ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 20 นาที ก่อนที่น้องนกและเพื่อนๆ จะเดินเข้าไปในโดมหิมะ หรือสโนว์โดม ที่สร้างใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที "น้องนก"เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาบ้านเกิด ตนไม่ได้กลับมานานแล้ว ได้พบญาติและเพื่อนๆ ดีใจมากจนร้องไห้ เพราะไม่ได้เจอเพื่อนมานาน และได้รับการต้อนรับอย่างดีมาก ถึงจะมีโอกาสอยู่ที่บ้านไม่นาน เพียงไม่ถึง 2 วันก็รู้สึกดีใจ ย่าให้เหรียญหลวงปู่แหวนที่ย่ารักและให้พร และกราบครูบาศรีวิชัย ถือว่าเป็นมงคล พรุ่งนี้ 5 โมงเย็นจะกลับ ช่วงที่อยู่บ้านอยากจะพักผ่อน เพราะเมื่อกลับกรุงเทพฯ จะต้องซ้อมหนักต่อไป ส่วนความหวังคือการเทิร์นโปร ตั้งเป้าจะจบปีนี้ให้อยู่ใน 150 อันดับแรกของโลก และในช่วง 2-3 ปีจะให้อยู่ภายในอันดับ 20 ของโลกให้ได้
น้องนก กล่าวถึงการชมแพนด้าน้อยว่า ดีใจมากที่ได้จับตัวแพนด้าน้อย และได้เล่นสโนว์โดมด้วย ข้างในหนาวมาก ขอบคุณสวนสัตว์เชียงใหม่ที่เปิดโอกาสให้มาเที่ยวชม และอยากให้คนไทยช่วยเที่ยวไทยมากๆ
"ขอให้มาดูแพนด้าน้อยกันมากๆ เพราะเขาจะอยู่ประเทศไทยเพียงอีก 2 ปีเท่านั้นนะคะ" น้องนกกล่าว ด้านนายควินตัน กล่าวว่า แพนด้าน้อยขณะนี้ตัวโตน่ารักมาก จากที่แรกเกิดเหมือนหนูตัวใหญ่ นักท่องเที่ยวจะเดินทางมาเชียงใหม่มากเพราะแพนด้าน้อย สำหรับอังกฤษเคยมีแพนด้าแต่เลี้ยงได้เพียง 1 ปีก็ส่งคืนประเทศจีน แต่ของไทยเลี้ยงมานานกว่า 6 ปีแล้ว ตนสนับสนุนที่จะให้แพนด้าน้อยอยู่เมืองไทยตลอดไป แต่คงต้องรอการเจรจาระหว่างไทยกับจีนก่อน
นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าศูนย์วิจัยหมีแพนด้าประเทศไทย กล่าวถึงสุขภาพแพนด้าน้อยว่า ในช่วงกลางคืน จะเห็นแพนด้าน้อยดูดนมแม่ได้มาก
สักพักแม่หลินฮุ่ยจะจับลูกให้มาดูดนมอีกข้าง ทำซ้ำไปซ้ำมาจนแพนด้าน้อยกินอิ่ม หลินฮุ่ยก็จะเลียลูกจนสะอาด จึงจะจับลูกนอนบนพื้นและหลับอยู่ข้างๆ ลูก เมื่อหลินฮุ่ยลุกไปกินไผ่ แพนด้าน้อยก็จะยกขาชี้ขึ้น พลิกตัวมานอนตะแคงอีกด้าน แสดงให้เห็นพัฒนาการที่ดี มีความแข็งแรง นอกจากนี้ ยังเริ่มคลาน โดยใช้ขาหลังดันลำตัวไปด้านหน้า และสามารถยกขาหลังเกาข้างลำตัวได้บ้างแล้ว แต่ยังไม่ถนัด น้ำหนักในวันนี้ 2,545 กรัม ลำตัวยาว 42 ซ.ม. ส่วนดวงตา เมื่อทดสอบด้วยการส่องไฟ ตาทั้งสองข้างจะตอบสนองด้วยการหลับตา ทีมงานจะแยกลูกหมีตรวจสุขภาพอีกครั้งในวันที่ 16 ก.ค.